บางจากเลือดกบปากเจอพิษโควิด-19โหมกระหน่ำ

  • ปี2563 มีรายได้จากการขายและบริการวูบ
  • มีกำไร8,874 ล้านบาทลดลง10% เมื่อเทียบปี62
  • กัดฟันสู้แย่งชิงส่าวนแบ่งตลาดมาได้15%

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2563 ว่า บางจากฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 136,450 ล้านบาท ลดลง 28% เมื่อเทียบกับปี2562โดย มีกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ต้นทุนทางการเงิน และภาษีเงินได้ (EBITDA) 4,104 ล้านบาท ลดลง 53 %เมื่อเทียบกับปี2562 และมี กำไรจากการดำเนินงาน(Operating EBITDA) 8,874 ล้านบาท ลดลง 10% เมื่อเทียบกับปี2562

ทั้งนี้ เนื่องมาจากการที่บางจากฯได้ประสบกับโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างไปทั่วโลก เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงจากการประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ในหลายประเทศทำให้ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งปัจจัยกดดันเรื่องสงครามราคาน้ำมันของผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ระหว่างซาอุดิอาระเบียกับรัสเซีย ทำให้ราคาน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปปรับลดลงอย่างมาก ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันได้รับผลกระทบมากที่สุด ขณะที่กลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้า และธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมีผลดำเนินงานเติบโตขึ้น จึงช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของผลการดำเนินงานในภาพรวม

”บางจาก ได้พยายามลดผลกระทบจากโควิด-19 โดยให้ความสำคัญกับกระบวนการทำงานที่กระชับ คล่องตัว ปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ ทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายได้ 900 ล้านบาท ส่งผลให้ปี ที่ผ่านมา มีผลขาดทุนส่วนของบริษัทใหญ่ 6,967 ล้านบาท คิดเป็นขาดทุนต่อหุ้น 5.50 บาท และจากการปรับโครงสร้างการลงทุน ทำให้มีกระแสเงินสด ณ สิ้นปี 2563 ที่ 21,651 ล้านบาท”

สำหรับผลการดำเนินงานในแต่ละกลุ่มธุรกิจมีอาทิ กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน ได้รับผลกระทบอย่างมากจากความผันผวนของราคาน้ำมันและค่าการกลั่นที่อยู่ในระดับต่ำ โดยมีค่าการกลั่นพื้นฐาน 3.20 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลง 2.21 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลจากปีก่อน ทำให้โรงกลั่นต้องปรับลดกำลังการผลิตมาอยู่ในระดับ 97,200 บาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็น 81% ของกำลังการผลิตรวมของโรงกลั่น อีกทั้งราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลงอย่างรุนแรง ส่งผลให้โรงกลั่นมี Inventory Lossหรือการด้วยค่าสินค้าคงเหลือ 4,379 ล้านบาท

ขณะที่ กลุ่มธุรกิจการตลาดพบว่า ปริมาณการจำหน่ายรวมลดลง 17% เมื่อเทียบกับปี2562 ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันในประเทศปรับตัวลดลง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและสายการบินได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่บางจากฯ ยังคงขยายจำนวนสถานีบริการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยมีจำนวนสถานีบริการน้ำมัน ณ สิ้นปี ที่ผ่านมา 1,233 สาขา มีส่วนแบ่งการตลาด 15.6% ของตลาดผู้ค้าน้ำมันรวม ขณะที่ กลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้าก็มีการ เติบโตเพิ่มขึ้นจากการขยายการลงทุน ในโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานรวม 2 โครงการกำลังการผลิตรวม 114 เมกกะวัตต์ ในประเทศลาว และการเข้าซื้อโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย “RPV” จำนวน 4 โครงการ ทำให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 20 เมกกะวัตต์ ส่งผลให้มีปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้ารวมเพิ่มขึ้น 100% เมื่อเทียบกับปี2562 ทำให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา 473.7 เมกกะวัตต์ และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากส่วนนี้รวม 270 ล้านบาท