รถไฟเด้งรับสังคมไร้เงินสด

  • เดินหน้าพัฒนาระบบจอง จ่ายตั๋วโดยสาร
  • นำนวัตกรรมพัฒนาแพลตฟอร์มทั้งระบบ
  • หวังเสริมบริการให้ผู้โดยสารสะดวก

การรถไฟฯ เดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์มจองตั๋วและชำระค่าโดยสาร เพิ่มความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการ รองรับสังคมไร้เงินสดแบบครบวงจร 

นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ตามที่นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม มีนโยบายให้การรถไฟฯ พัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกให้ดีที่สุดแก่ผู้โดยสารอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟฯ ได้มอบหมายให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องนำนวัตกรรม มาพัฒนาระบบการจองตั๋วโดยสาร และชำระค่าตั๋วโดยสารใหม่ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการจองและชำระเงินแก่ผู้โดยสาร ทั้งนี้ผู้โดยสารสามารถชำระค่าโดยสารได้ทั้งบัตรเครดิต บัตรเดบิต และการสแกน QR Code ผ่าน Mobile Application ของธนาคาร เพื่อก้าวสู่สังคมไร้เงินสดแบบครบวงจร โดยเริ่มให้บริการแล้วตั้งแต่บัดนี้ 

ทั้งนี้ ในระบบจองตั๋วโดยสารรถไฟ ผู้โดยสารสามารถเลือกจองได้ผ่าน 4 ช่องทาง ประกอบด้วย ช่องทาง Mobile Application  , ช่องทาง Website D-Ticket : https://www.dticket.railway.co.th ,ช่องทางจำหน่ายตั๋วผ่านสถานีรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศ และช่องทาง Call Center : 1690

สำหรับวิธีการชำระค่าตั๋วโดยสาร สามารถชำระได้ ดังนี้ กรณีจองตั๋วโดยสารผ่านระบบออนไลน์ ได้แก่ ช่องทาง Mobile Application และช่องทาง Website D-Ticket : https://www.dticket.railway.co.th สามารถชำระได้ผ่าน 3 ช่องทาง ได้แก่ 1.จ่ายผ่านระบบบัตรเดบิต  2.บัตรเครดิต  และ 3.การสแกน QR Code ผ่าน Mobile Application ของธนาคาร , 

กรณีจองตั๋วโดยสารผ่านสถานีรถไฟ หรือจองผ่านศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ 1690 สามารถชำระได้ที่สถานีรถไฟผ่าน 5 ช่องทาง ได้แก่ 1.บัตรเดบิต หรือบัตรเครดิต 2.การสแกน QR Code ผ่าน Mobile Application ของธนาคาร 3.ผ่านบัตรสวัสดิการของรัฐ 4.ผ่าน TrueMoney Wallet และ 5.ชำระเป็นเงินสด

“การพัฒนาระบบจองตั๋วและชำระค่าโดยสารผ่านทาง QR Code บัตรเครดิต บัตรเดบิต ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกใหม่ในการชำระค่าโดยสารแก่ประชาชน อีกทั้งยังสอดรับกับนโยบายการก้าวสู่สังคมไร้เงินสดของรัฐบาล ซึ่งระบบนี้จะมีความสะดวกอย่างมาก ทั้งการชำระค่าตั๋วโดยสาร รวมถึงกรณีเกิดเหตุจำเป็นต้อง

คืนเงินค่าตั๋ว ซึ่งหากได้ชำระผ่าน QR Code บน Mobile Application ของธนาคาร จะสามารถรับเงินสดคืนได้ทันทีที่ช่องจำหน่ายตั๋วของสถานีรถไฟทุกแห่ง ส่วนผู้ชำระผ่านบัตรเดบิต หรือบัตรเครดิต จะได้รับค่าตั๋วคืนเข้าบัตรภายใน 45 วัน ที่สำคัญผู้ซื้อตั๋วโดยสารผ่านออนไลน์ สามารถแสดงตั๋วผ่านโทรศัพท์มือถือSmartphone ให้เจ้าหน้าที่บนขบวนรถตรวจสอบได้อีกด้วย” 

นายเอกรัช กล่าวต่อว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา การรถไฟฯ ได้มุ่งเน้นการให้บริการที่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งนำนวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยพัฒนาบริการใหม่ๆ ทั้งการพัฒนาแอปพลิเคชันเช็กตารางเดินรถ (SRT TIMETABLE) เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถตรวจเวลาขบวนรถในเส้นทางที่ต้องการจะเดินทาง การพัฒนาแอปพลิเคชันติดตามขบวนรถ (TRAIN TRACKING SYSTEM) เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบสถานะ ตำแหน่ง และสามารถวางแผนการเดินทางได้อย่างสะดวก ช่วยสร้างความมั่นใจในการเดินทาง โดยผู้สนใจเดินทาง หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือเฟซบุ๊ก แฟนเพจ ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย