“กสทช.-ค่ายมือถือ” ออกแพ็กเกจเสริมเพื่อผู้พิการ 66 บาท ต่อเดือน 

"กสทช.-ค่ายมือถือ" ออกแพ็กเกจเสริมเพื่อผู้พิการ 66 บาท ต่อเดือน 

กสทช. ร่วมมือกับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ให้ผู้พิการทุกประเภท และผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้แพ็กเกจใช้งานในราคาเดือนละ 66 บาท เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการโทรคมนาคมอย่างเท่าเทียม

  • กสทชเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการโทรคมนาคม
  • อย่างเท่าเทียม

วันที่ 27 เม.ย.2567 นายต่อพงศ์ เสลานนท์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ได้ผลักดันและส่งเสริมให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จัดทำแพ็กเกจเสริม และส่วนลดค่าบริการทั้งระบบเติมเงินและรายเดือน

“จุดประสงค์หลักคือเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนประชาชนกลุ่มคนพิการทุกประเภท รวมถึงผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ให้สามารถเข้าถึงบริการโทรคมนาคมได้ในราคาประหยัด และใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสุดได้ไม่เกิน 10 GB ซึ่งคนพิการทุกประเภทสามารถติดต่อรายละเอียดผ่านผู้ให้บริการทั้ง 3 ราย ได้แก่ AIS, NT และ True Move H”นายต่อพงศ์ กล่าว

ทั้งนี้ที่ผ่านมา สำนักงาน กสทช. มีหน้าที่สำคัญในการส่งเสริม และสนับสนุนให้เกิดการให้บริการโทรคมนาคมพื้นฐาน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการโทรคมนาคมรวมถึงคุ้มครองผู้บริโภคทุกกลุ่ม

โดยเฉพาะกลุ่มคนพิการ ซึ่งต้องใช้โทรศัพท์มือถือ และเทคโนโลยีในการดำเนินชีวิตเหมือนบุคคลทั่วไป เพราะโทรศัพท์มือถือกลายเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการดำรงชีวิตของคนทุกกลุ่มให้สามารถสื่อสาร เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และต่อยอดการทำงานโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย แพ็กเกจส่งเสริมการขายที่ออกมาเฉพาะกลุ่มคนพิการน่าจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนกลุ่มนี้ได้

สำหรับแพ็กเกจของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ AIS ได้ออกแพ็กเกจเสริมสำหรับคนพิการทุกประเภท แบ่งเป็น แพ็กเกจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสุด 10 GB ราคาเดือนละ 66 บาท และแพ็กเกจใช้อินเทอร์เน็ตและโทร ความเร็วสูงสุด 8 GB โทร 100 นาที ราคาเดือนละ 66 บาท เริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ส่วน เอ็นที ไม่ได้มีรายการส่งเสริมการขายสำหรับคนพิการทุกประเภท แต่มีมาตรการให้ส่วนลดสำหรับกลุ่มคนพิการที่สมัครแพ็กเกจทั่วไป และพิจารณาส่วนลดให้เป็นรายกรณีไป

ทั้งนี้ คนพิการทุกประเภท และผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถแสดงบัตรประจำตัวคนพิการ และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้ที่ศูนย์บริการของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกเครือข่ายทั่วประเทศได้ตั้งแต่วันนี้ และสามารถสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมได้ตามช่องทางของผู้ให้บริการทุกเครือข่าย

ด้านนายวรุณเทพ วัชราภรณ์ หัวหน้าฝ่ายงานธุรกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวเสริมว่า นอกจากนี้ในฐานะ Digital Life Service Provider เป้าหมายของเราคือ นำศักยภาพจากเทคโนโลยี digital มาสร้างประโยชน์ให้แก่คนไทยทุกคน เพราะนี่คือ สิ่งที่ช่วยลดข้อจำกัด สร้างความเท่าเทียมและเข้าถึงโอกาสที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่ทุกกลุ่ม หรือDigital Inclusion โดยเฉพาะกลุ่มผู้พิการ ที่เราให้ความสำคัญตลอดระยะเวลาของการให้บริการกว่า 33 ปี

โดยมี 3 ส่วน ที่สะท้อนถึงนโยบายข้างต้น ประกอบด้วย

ส่วนแรก : เอไอเอส ร่วมกับ กสทช. ออกแพ็กเกจเสริมเพื่อผู้พิการทุกกลุ่ม ในราคาสุดคุ้มเพียงเดือนละ 66 บาท (รวมภาษีแล้ว)โดยมี 2 แพ็กเกจ ให้ลูกค้าสามารถเลือกสมัครได้อย่างตอบโจทย์ ไม่ว่าจะเน้นเล่นเน็ตหรือเล่นทั้งเน็ตและโทรได้แก่

แพ็กเกจเน็ต 5G เต็มสปีด : ใช้งานเน็ตความเร็วสูงสุด 10GB เมื่อใช้ครบตามปริมาณเน็ตที่กำหนด หลังจากนั้นใช้งานต่อเนื่องที่ความเร็ว 128 kbps โดยหักค่าบริการทุก 30 วัน

แพ็กเกจเน็ต 5G เต็มสปีดพร้อมโทร : ใช้งานเน็ตความเร็วสูงสุด 8GB เมื่อใช้ครบตามปริมาณเน็ตที่กำหนด หลังจากนั้นใช้งานต่อเนื่องที่ความเร็ว 128kbps พร้อมโทรทุกเครือข่าย 100 นาที (ค่าโทรส่วนเกินคิดตามโปรโมชันหลัก) โดยหักค่าบริการทุก 30 วัน

โดยลูกค้าผู้พิการ ทั้งระบบเติมเงิน และรายเดือนสนใจสมัครแพ็กเกจพิเศษนี้ได้ง่ายๆเพียงโชว์บัตรคนพิการและบัตรประจำตัวประชาชนที่ เอไอเอส ช็อปทุกสาขา หรือติดต่อ AIS Call Center 1175

ส่วนต่อมา : การพัฒนาเครือข่ายและคุณภาพของช่องทางการใช้บริการ ที่เราออกแบบอย่างเป็นเลิศ

ในทุกๆขั้นตอนเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้พิการ อาทิ การมีพนักงานที่ใช้ภาษามือในการสื่อสารตามมาตรฐาน รวมถึงสิทธิพิเศษที่จัดเต็ม เพื่อลูกค้าและผู้พิการอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม

ส่วนสุดท้าย คือ การสร้างอาชีพให้แก่ผู้พิการทุกด้าน ด้วยการเปิดโอกาสให้เป็นพนักงานในกลุ่มเอไอเอสอย่างต่อเนื่อง

“เราให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการพัฒนาบริการในทั้ง 3 ส่วนเพื่อลูกค้าผู้พิการ และจะยังคงเดินหน้านำเทคโนโลยีต่างๆ อาทิ AI, ML มาประยุกต์ใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกและยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยให้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง”นายวรุณเทพ กล่าว

นอกจากนี้ น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เดินหน้าดำเนินนโยบายปราบเว็บพนันออนไลน์ ซึ่งมีการแต่งตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปราบอาชกรรมทางเทคโนโลยี เพื่อทำงานอย่างบูรณาการร่วมกับหลายหน่วยงาน อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กสทช. ปปง. กลต. ดีเอสไอ ธปท. เป็นต้น

โดยมีแนวทางการแก้ปัญหาสำคัญ เช่น มาตรการแก้ไขปัญหาบัญชีม้า เพื่อเร่งรัดกวาดล้างบัญชีที่ต้องสงสัยและบัญชีม้าในระบบธนาคาร โดยสมาคมธนาคารไทยสถาบันการเงิน ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยเร่งทำการตรวจสอบเหตุต้องสงสัย 19 ข้อ และทำการแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีต้องสงสัยระหว่างธนาคาร เพื่อระบุและทำการระงับบัญชีธนาคาร

ซึ่งที่ผ่านมามีการระงับไปแล้ว 3-4 แสนบัญชี ทั้งนี้ สำนักงาน ปปง. ได้ดำเนินการปิดบัญชีม้าไปแล้ว 318,298 บัญชี และศูนย์ AOC ระงับหรือปิดไปแล้ว 112,699 บัญชี และอีกมาตรการที่สำคัญคือ การอายัดบัญชีทันทีกรณีที่ผู้เสียหายแจ้งเหตุกับ AOC 1441 และผู้เสียหายแจ้งความออนไลน์เรียบร้อยแล้ว จากเดิมระงับชั่วคราว 3 วันและต้องไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ยังได้กวาดล้างซิมต้องสงสัยและซิมม้า โดยทาง กสทช.ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการลงทะเบียนเพื่อยืนยันตัวตนสำหรับผู้ถือครองซิมการ์ด นอกจากนี้ ในส่วนของ สตช. และกระทรวงดีอีได้ประสานเพื่อระงับซิมม้า หรือซิมต้องสงสัยไปแล้วกว่า 8 แสนหมายเลข โดยนายประเสริฐ ได้สั่งการให้เข้มงวดในการเปิดใช้ซิมใหม่เพื่อป้องกันการนำซิมไปใช้กระทำผิดกฎหมาย

ในส่วนของเว็บพนันมีศูนย์กลางใหญ่อยู่ต่างประเทศ นั้น น.ส.เกณิกา กล่าวว่า กระทรวงดีอี สตช. กต. มท. บูรณาการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เชิงรุก โดยเคร่งครัดการตรวจสอบบุคคลเข้าออก และการเข้าออกผ่านช่องทางธรรมชาติ เพื่อลดปัญหาการเดินทางไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงการขนเงินออกนอกประเทศ และสนับสนุนการประสานงานเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านในประเด็นการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เว็บพนันออนไลน์ รวมถึงอาชญากรรมออนไลน์อื่นๆ ด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง https://thejournalistclub.com/nbtc-true-news-20240404/256093/ https://www.nbtc.go.th/