“AWC” ปลื้มธุรกิจ Q2+ครึ่งปี 65 โตก้าวกระโดดกำไรเกิน 100% นำทัพโรงแรมดันรายได้เฉลี่ยห้องพุ่ง 302% ราคาขยับ 48%

  • “AWC” นำทัพธุรกิจโรงแรมและอสังหาโกยโตก้าวกระโดดทุกเซกเมนท์กำไรเกิน 100%
  • ไตรมาส 2 กำไรพุ่ง 776 ล้านบาท ครึ่งปีแรกทะยาน 1,422 ล้านบาท
  • ส่งสัญญาณท่องเที่ยวไทยบวกสูง ผลจากเปิดประเทศ อัดฉีดแคมเปญทำรายได้เฉลี่ยห้องพักได้ถึงสูง 302 %
  • ส่วนราคาห้องพักขยับเพิ่ม 48% ใกล้เคียงก่อนเกิดโควิด-19

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด(มหาชน) “AWC” เปิดเผยว่า เผยผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2565 มีรายได้รวมตามงบการเงิน 3,206 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 107.4 % คิดเป็นกำไรสุทธิตามงบการเงิน 776 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 100 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจาก 5 ปัจจัย คือ 1.การวางกลยุทธ์ของบรัท 2.การเตรียมพร้อมเปิดประเทศของรัฐบาลทำอย่างต่อเนื่อง 3.แผนส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย 4.มาตรการผ่อนคลายจากภาครัฐช่วยกระตุ้นให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตแบบปกติ และ 5.กำไรที่เพิ่มขึ้นยังเป็นผลมาจากการเพิ่มมูลค่ายุติธรรมของทรัพย์สินของบริษัท 

ส่งผลทำให้ช่วงครึ่งแรกปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 1,422 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า100 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดนั้นมาจาก โรงแรมทำกำไรจากการดำเนินงานตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 100 % บวกกับรัฐบาลประกาศเปิดประเทศ ต้อนรับนักเดินทางจากทั่วโลกขยายตัวอย่างแข็งแกร่งมาก

สำหรับ “กลุ่มธุรกิจโรงแรมและบริการ” เติบโตเพิ่มขึ้นทุกเซ็กเมนต์ โดยเฉพาะ “โรงแรมกลุ่มลักซ์ชูรี” ได้อานิสงส์จากมาตรการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาใช้บริการมากขึ้น อีกทั้งภาครัฐยังกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศอย่างต่อเนื่องด้วยแคมเปญต่างๆ ส่งผลถึงรายได้ห้องพักต่อห้องที่มีทั้งหมด (RevPAR) ไตรมาส2 ปีนี้เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันกันปีก่อน เติบโตขึ้น 302 % รวมทั้งมีราคาห้องพักเฉลี่ยต่อคืน (Average Daily Rate: ADR) เพิ่มขึ้น 48 % เฉลี่ยต่อคืนเพิ่มขึ้นเกือบใกล้เคียงกับช่วงก่อนการแพร่ระบาด COVID-19

อีกทั้งตลาดการจัดงานประชุมสัมมนาไตรมาส 2 ก็เติบโตแบบก้าวกระโดด ทำให้โรงแรมกลุ่มประชุมสัมมนาของบริษัทฯ ทำรายได้เติบโตถึง 407 %

ขณะที่ “กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์” ประกอบไปด้วย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าเเละธุรกิจอาคารสำนักงาน (Retail & Commercial) สามารถกลับมาเติบโตได้ดีเช่นเดียวกัน เพราะประชาชนเริ่มกลับเข้ามาใช้ศูนย์การค้าเพิ่มขึ้น เช่น ลูกค้าเข้าพื้นที่มากขึ้นในโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ทำให้ไตรมาส 2 ปีนี้สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าถึงกว่า 220 % บริษัทจึงวางแผนพัฒนาเพื่อเสริมศักยภาพและยกระดับการบริการต่างๆ ให้ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคอยู่เสมอ ด้วยการผสานความร่วมมือระหว่างกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์ในเครือ ซึ่งเป็นจุดแข็งให้สามารถส่งเสริมการเติบโตได้เป็นอย่างดี

ส่วนธุรกิจอาคารสำนักงานยังคงสร้างกระแสเงินสดได้อย่างมั่นคง ในการดึงดูดผู้เช่าใหม่ซึ่งเป็นองค์กรธุรกิจระดับโลกเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ภาพรวมขณะนี้ตลอดไตรมาส 2 มีอัตราค่าเช่าต่อตารางเมตรต่อเดือน (Average Rent Rate) สูงขึ้น 9.3 % เทียบกับไตรมาสสองปีก่อน และยังสามารถรักษาผู้เช่ารายเดิมได้ถึง 96 % เพราะจุดขายเรื่องอาคารคุณภาพเกรด A ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจ (CBD) และพัฒนาระบบเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกและปลอดภัยของผู้เช่าในยุคดิจิทัลอยู่เสมอ

นางวัลลภา กล่าวว่า ปัจจุบัน AWC ยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการคุณภาพรองรับการเติบโตอย่างมั่นคงและช่วยเสริมศักยภาพให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยแข็งแกร่ง โดยได้เปิดโรงแรมมีเลีย เชียง นำเครือมีเลียแห่งแรกในภาคเหนือตั้งแต่ เมษายน 2565 เป็นต้นมา รวมแล้วขณะนี้บริษัทมีห้องพักโรงแรมทั่วประเทศ 5,201 ห้อง เติบโต 61 % จากจำนวนห้องพักก่อนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19  พร้อมทั้งเดินหน้าร่วมกับพันธมิตรระดับโลกมากมายขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน เช่น การลงนามสัญญากับเครืออินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ลส์ กรุ๊ป เพื่อพัฒนาโรงแรม คิมป์ตัน หัวหิน รีสอร์ท การลงนามกับพันธมิตรจากสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเพิ่มช่องทางการค้าส่งของ เออีซี เทรดเซ็นเตอร์ และร่วมจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) กับหน่วยงานด้านการลงทุนระดับโลก เพื่อลงทุนในธุรกิจโรงแรมที่มีศักยภาพในแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำในไทยต่อไป

นางวัลลภาย้ำว่า AWC มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจภายใต้แผนกลยุทธ์การพัฒนาอย่างยั่งยืน ผ่านกรอบการดำเนินงานBETTER PLANET, BETTER PEOPLE, BETTER PROSPERITY ช่วงไตรมาสที่ผ่านมาได้รับความเชื่อมั่นจากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) จัดสินเชื่อพร้อมสัญญาอนุพันธ์เชื่อมโยงกับความยั่งยืน (Sustainability Linked Loan and ESG Linked Interest Rate Swap) เป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของไทย พร้อมกับได้รับสินเชื่อสีเขียว (Green Loan) จากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อนำไปพัฒนาและสนับสนุนโครงการด้านสิ่งแวดล้อมในอสังหาริมทรัพย์ของ AWC

โดยพร้อมนำความสำเร็จทั้งหมดนี้ดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ร่วมสร้างคุณค่าในระยะยาวร่วมกับทุกภาคส่วนที่มีส่วนเกี่ยวข้องทำให้เศรษฐกิจของไทยเข้มแข็งมั่งคั่งนั่นเอง