ปานปรีย์ ลาออก เปิด เบื้องหลัง ที่แท้จริงล่าสุด

ลาออก ปานปรีย์ พหิทธานุกร รมว.การต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เบื้องหลัง
ดร.ตั๊ก-ปานปรีย์ พหิทธานุกร

การ ลาออก ของ ดร.ตั๊ก ปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.การต่างประเทศ แทบจะทันที ที่รับทราบรายชื่อ ครม.เศรษฐา 2 โดยถูกปรับออก จากรองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลฝ่ายเศรษฐกิจ เหลือเพียงตำแหน่ง รมว.การต่างประเทศเพียงตำแหน่งเดียว The Journalist Club มี เบื้องหลัง การ ลาออก ของ ดร.ตั๊ก ปานปรีย์ ครั้งนี้ มานำเสนอ เป็น เบื้องหลัง ที่น่าทึ่งทีเดียว

ดร.ตั๊ก- ปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี ทำงานแบบไม่มีใส่เกียร์ว่างหรือเกียร์ถอย เต็มที่กับทุกเรื่อง จนทำให้หลายงานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

โดยเฉพาะการบิน เดินทางไปพบ กับผู้นำชาติอาหรับ เพื่อให้ช่วยเป็นสะพาน ต่อสายไปถึงกลุ่มฮามาส ให้ปล่อยตัวประกันคนไทย ที่ถูกจับเป็นตัวประกัน ในฉนวนกาซา

ภาพที่ดร.ตั๊ก ปานปรีย์ เข้าสวมกอด ตัวประกันคนไทย หลังเจรจาสำเร็จ และเป็นชาติที่ได้รับการปล่อยตัวประกัน ออกมามากที่สุด เป็นภาพที่ทำให้หลายคนน้ำตาซึม เพราะกว่า จะถึงวันนั้นได้ ต้องใช้ความพยายาม อย่างไม่ลดละ จึงไม่แปลก ที่ ดร.ตั๊ก หลั่งน้ำตา ในวันที่ ตัวประกัน คนไทย ได้รับการปล่อยตัว กลุ่มใหญ่

ปานปรีย์ สุภาพบุรุษ ผู้ปิดทองหลังพระ ลาออก

ดร.ตั๊ก ปานปรีย์ สุภาพบุรุษ ผู้ไม่ชอบทำดีเอาหน้า หรือ ชิงดีชิงเด่นกับใคร ทำงานอย่างเงียบๆ แต่ผลงานเพียบ และเป็นงานที่ยากลำบาก แทบทั้งนั้น โดยเฉพาะงาน ด้านต่างประเทศ ที่ปัญหาความขัดแย้ง ของการเมืองระหว่างประเทศ หรือ Geo Politics รุนแรง

ดร.ตั๊ก ทำงานแบบให้นายกฯโดดเด่น ไม่เคยแย่งซีน ไม่เคยล้ำเส้น ให้เกียรติกันเป็นอย่างดี เดินสายชักชวน นักลงทุนให้เข้ามาลงทุน ในไทย พร้อมใช้ กระทรวงการต่างประเทศ ขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ของรัฐบาล อย่างที่ไม่เคยปรากฏชัดเจน ขนาดนี้มาก่อน

มีการจัดประชุม เรียกทูต จากทุกประเทศ มารับทราบนโยบาย โดยมี นายกฯเศรษฐา เป็นผู้มอบนโยบาย ให้แก่เอกอัครราชทูต กงสุลใหญ่ ผู้ช่วยทูตฝ่ายพาณิชย์ และฝ่าย ส่งเสริมการลงทุน ในการประชุม เอกอัครราชทูต และกงสุลใหญ่ ทั่วโลก ณ วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566

ปรับ “ทูตรับแขก” เป็น “ทูตเศรษฐกิจเชิงรุก”

จนนำมาสู่ “ทีมไทยแลนด์” การทูตเศรษฐกิจ เชิงรุก ปรากฎการณ์ พลิกโฉมการทำงานของทูตไทยในต่างประเทศโดยสิ้นเชิง โดยให้ทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เป็นปึกแผ่นและแข็งขัน ไม่แบ่งแยก หรือ ทำหน้าที่ แค่รับแขก จากประเทศไทย สิ่งเหล่านี้ เป็นเมล็ดพันธุ์ที่เติบโต และรอวันเก็บเกี่ยวผลผลิต

ดร.ตั๊กต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยครั้ง เพื่อกรุยทางงานสำคัญให้ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเจรจาเอฟทีเอ การค้า การลงทุน หรือแม้แต่การท่องเที่ยว

จุดยืนชัดเจนไม่ยึดติดตำแหน่ง

สิ่งที่ทำให้ “สุภาพบุรุษ ผู้ทรนง” สละเรือรัฐนาวาเศรษฐา2 แบบไม่ต้องมีลีลาให้มากความ ผ่านจดหมายลาออก เป็นเรื่องของศักดิ์ศรี และการแสดงจุดยืน ว่าไม่ยึดติดกับตำแหน่ง

ดร.ตั๊ก บอกถึงการลาออกครั้งนี้ ว่าที่ผ่านมา ได้ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ การให้ออกจากตำแแหน่งรองนายกรัฐมนตรีไป เท่ากับว่า ทำอะไรผิดไม่มีผลงาน ถ้าจะบอกว่าทำงานหนักไป ก็ปรับลดงานที่รับผิดชอบลงได้ เพราะงานเยอะมากจริง

ที่สำคัญตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เป็นตำแหน่งที่มีความหมายในการเจรจากับต่างประเทศ โดยเฉพาะด้านการค้า การลงทุน ถ้าเหลือแค่ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็ยกให้คนอื่นไปเลยดีกว่า

เบื้องหลัง การ ลาออก ของลูกผู้ชายใจนักเลง

รอจน วินาทีสุดท้าย บนเตียงคนไข้ ด้วยอาการป่วย ไข้หวัดใหญ่ เมื่อรับทราบ ด้วยตัวเอง และเป็นจริง ตามที่เป็นข่าว ก่อนหน้านี้ ดร.ตั๊ก-ปานปรีย์ จึงตัดสินใจ “จากลา” แบบที่สุภาพบุรุษ ผู้เด็ดเดี่ยว และมั่นคงในหลักการพึงกระทำ

คงไม่มีใคร คาดคิดว่า ดร.ตั๊ก จะตัดสินใจ เช่นนี้ เห็นไม่ค่อยพูด ไม่เรียกร้องอะไร เลยคิดว่า จะทำอะไรก็ได้ มันไม่ใช่เส้นทาง ของลูกผู้ชายใจนักเลง ที่เขาจะพึงปฏิบัติ ต่อกัน ขาดคนทำงาน แบบตั้งใจ จริงจัง มุ่งมั่น ซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีประวัติด่างพร้อย ไปอีกคนแบบนี้ น่าเสียดาย สำหรับโอกาส ของประเทศไทย

ส่วน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ คนใหม่ ใครจะมาแทน  คงจะกดดัน ไม่ใช่น้อย เพราะดร.ตั๊ก-ปานปรีย์ สร้างมาตรฐาน ไว้สูงปรี๊ด ขนาดนี้ ต้องจับตา ดูกันต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : “ปานปรีย์” ยื่นหนังสือลาออก “รมว.ต่างประเทศ”หลังหลุดเก้าอี้รองนายกฯ

ครม.เศรษฐา 1/1 ออกแล้วมี 6 รมต.ใหม่ “พิชัย”นั่งควบรองนายกฯ-คลัง

กระทรวงการต่างประเทศ