“ไฟเซอร์-เมอร์ค” ยันผลิตวัคซีนต้านโควิดได้หลังการเลือกตั้งสหรัฐ

  • ล่าสุดอยู่ในขั้นทดลองกับอาสาสมัคร
  • คาดสิ้นปีนี้ผลิตได้หลานล้านโดส

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยารายใหญ่สุดของสหรัฐอเมริกาเปิดเผยวานนี้ (27 ต.ค.) ว่า บริษัทยังไม่มีข้อมูลจาก การทดลองวัคซีนต้านโรคโควิด-19 เฟสสุดท้าย ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาร่วมกับบริษัท BioNTech ของเยอรมนี คาดว่าบริษัทจะยังไม่สามารถเปิดเผยผลการทดลองวัคซีนดังกล่าวก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 3 พ.ย.นี้

“สำหรับเราแล้ว การเลือกตั้งในสหรัฐไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริง วัคซีนนี้ไม่ใช่ของพรรครีพับลิกันหรือพรรคเดโมแครต แต่เป็นวัคซีนของประชาชนทั่วโลก” นายอัลเบิร์ต บอร์ลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของไฟเซอร์กล่าว อย่างไรก็ตาม เป็นตัวเขาเองที่ก่อนหน้านี้ ออกมาประกาศว่า ไฟเซอร์จะสามารถเปิดเผยข้อมูลได้อย่างเร็วที่สุดในเดือนต.ค.นี้ว่า วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทจะใช้ได้ผลหรือไม่

ไฟเซอร์ระบุว่า ในบรรดาอาสาสมัครจำนวน 44,000 คนที่เข้าร่วมการทดลองวัคซีนครั้งนี้ มีผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนไม่มากพอที่จะนำไปสู่การวิเคราะห์ว่า วัคซีนใช้ได้ผลหรือไม่

ทั้งนี้ ไฟเซอร์คาดหวังที่จะเป็นบริษัทยารายแรกของสหรัฐที่จะเปิดเผยข้อมูลความสำเร็จในการทดลองวัคซีนต้านโควิด-19 ทางคลินิกได้ก่อนบริษัทคู่แข่งอย่างบริษัท โมเดอร์นา โดยไฟเซอร์ และ BioNtech เริ่มทำการทดลองวัคซีนโควิด-19 เฟสที่ 3 ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนก.ค.ที่ผ่านมา

ถ้อยแถลงของไฟเซอร์มีขึ้นหลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 3 ในวันอังคารตามเวลาสหรัฐ (27 ต.ค.) โดยระบุว่า บริษัทมีกำไร 72 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 70 เซนต์/หุ้น แต่บริษัทมีรายได้ 1.213 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.231 หมื่นล้านดอลลาร์

ไฟเซอร์ระบุว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อรายได้บริษัทราว 500 ล้านดอลลาร์จากอุปสงค์ที่ลดลงในจีน ขณะที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐก็เป็นอุปสรรคที่ทำให้อเมริกันเดินทางไปพบแพทย์น้อยลงด้วย

ด้านบริษัท เมอร์ค (Merck) ผู้พัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 อีกรายของสหรัฐ เปิดเผยว่า การทดสอบประสิทธิภาพวัคซีนของบริษัทน่าจะรู้ผลขั้นต้นในสิ้นปีนี้ ซึ่งก็เป็นช่วงหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีเช่นกัน

เมอร์คเปิดเผยว่า บริษัทจะสามารถเปิดเผยข้อมูลจากการวิจัยเบื้องต้นที่บ่งชี้ว่า วัคซีน V591 ซึ่งเป็นวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ของทางบริษัทนั้นจะสามารถกระตุ้นการตอบสนองด้านภูมิคุ้มกันให้กับผู้ร่วมทดลองได้หรือไม่ ภายในสิ้นปีนี้

บริษัทเพิ่งเริ่มหาผู้ร่วมเข้าทดลองวัคซีน V591 ในเดือนก.ย.ที่ผ่านมาสำหรับการทดลองขั้นต้น โดยซื้อวัคซีนดังกล่าวมาจาก Themis Bioscience ซึ่งเป็นบริษัทผลิตวัคซีนของออสเตรเลีย

นายโรเจอร์ เพิร์ลมัตเตอร์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยของเมอร์คเปิดเผยในการประชุมทางโทรศัพท์ว่า เมอร์คกำลังร่วมมือกับองค์การริเริ่มวัคซีนป้องกันโรคเอดส์ระหว่างประเทศ (IAVI) เพื่อพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ตัวที่สองด้วย โดยจะใช้เทคโนโลยีเดียวกับที่เมอร์คใช้ในการผลิตวัคซีนอีโบลา

เมอร์คเปิดเผยว่า กำลังดำเนินการสร้างหน่วยผลิตเพื่อให้สามารถผลิตวัคซีนโควิด 2 ตัวดังกล่าวหลายล้านโดส โดยยืนยันว่าจะทำการผลิตวัคซีนดังกล่าวให้ได้จำนวนมากก่อนได้รับการอนุมัติเพื่อให้เร่งการผลิตต่อไป

นอกเหนือจากการพัฒนาวัคซีน เมอร์คยังได้เริ่มการทดลองในขั้นสุดท้ายสำหรับยาต้านไวรัสโควิด-19 ที่พัฒนาร่วมกับบริษัท Ridgeback Biotherapeutics ของสหรัฐด้วย ซึ่งคาดว่าบริษัทจะสามารถผลิตยาต้านโรคโควิด-19 จำนวนหลายล้านโดสก่อนสิ้นปีนี้