“แอร์บัส” เปิดฝูงบินคาร์โก้ใหม่ A350F ยึดตลาดเอเชีย 20 ปีหน้า

“แอร์บัส” ใช้เวทีตลาดโลกแอร์ โชว์ ปี’67 เปิดตัวฝูงบินคาร์โก้รุ่นล่าสุด A350F ตั้งเป้า 20 ปีหน้าครองตลาดเอเชียขานรับเศรษฐกิจ การค้า ฉลุย ความต้องการพุ่ง 400 ลำ

  • แอร์บัสชี้ 20 ปีหน้า เอเชียแห่ใช้เครื่องลำตัวกว้างขนสินค้าเกิน 25% ของโลก
  • โชว์รุ่นแรกในตลาดเริ่มใช้ปี’69 น้ำหนักเบา ลดคาร์บอนตามกฎ ICAO
  • ม.ค.67 เข้าคิวจองแล้ว 9 แอร์ไลน์ส มีคำสั่งซื้อ 50 รายการ

ครอว์ฟอร์ด แฮมิลตัน หัวหน้าฝ่ายการตลาดการขนส่งสินค้าของแอร์บัส เปิดเผย ในงานสิงคโปร์แอร์โชว์ ว่า ปี 2567 บริษัท แอร์บัส สามารถตอบสนองความต้องการตลาดขนส่งสินค้าทางอากาศ (Cargo) ด้วยการผลิตเครื่องบินแอร์บัสรุ่นออกแบบใหม่ทั้งหมดคือ A350F สอดคล้องกับสถานการณ์ของอุตสาหกรรมการบินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก(APAC) ที่แสดงสถานะทางเศรษฐกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งการค้าเจริญรุ่งเรือง ทำให้แอร์บัสประเมินอีก 20 ปีข้างหน้า ความต้องการเครื่องบินขนส่งสินค้าลำตัวกว้างในเอเชียจะมีประมาณมากถึง 400 ลำ รวมยอดเครื่องบินผลิตขึ้นใหม่และโครงการปรับปรุงเครื่องบิน คิดเป็นจำนวนกว่า 25 % ของความต้องการทั่วโลก ซึ่งเน้นสั่งเครื่องบินขนส่งสินค้าลำตัวกว้างรวม1,490 ลำ เป็นกลุ่มเครื่องบินที่มีน้ำหนักมากกว่า 40 ตัน

ในฐานะแอร์บัสเป็นผู้ผลิตเครื่องบินขนส่งสินค้ารุ่นออกแบบใหม่ทั้งหมดเพียงลำเดียวของโลกเครื่องบิน A350F ได้เปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดด้านประสิทธิภาพในตลาดการขนส่งสินค้ากำลังแข่งขันกันสูง ฝูงบินรุ่นนี้จะช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงและลดปล่อยก๊าซคาร์บอนได้มากถึง 40 % เมื่อเทียบกับเครื่องบินก่อนหน้านี้คือ 747F ส่วนรุ่นใหม่ล่สุด A350F เป็นเครื่องบินขนส่งสินค้าลำแรกในตลาดที่ปฏิบัติตามมาตรฐานการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เพิ่มขึ้น ตามมาตรฐานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ประกาศจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2570 เป็นต้นไป

ตามแผนฝูงบิน A350F มีกำหนดเข้าประจำการปี 2569 ตามขั้นตอนตั้งแต่ประกอบชิ้นส่วนลำตัวเครื่องบิน A350F ลำแรกจะเริ่มดำเนินการอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ สอดคล้องตามกรอบเวลาแผนการผลิตเครื่องบิน

ส่วนข้อมูลสิ้นเดือนมกราคม 2567 เครื่องบินตระกูล A350 รุ่นล่าสุด ของแอร์บัสได้รับคำสั่งซื้อมากกว่า 1,200 รายการ จากลูกค้าทั่วโลก 57 ราย รวมถึงคำสั่งซื้อเครื่องบินขนส่งสินค้า A350F นี้ด้วยอีก 50 รายการ จากสายการบินขนส่งสินค้าชั้นนำ 9 ราย ขณะที่เครื่องบินขนาดกลาง ตระกูล A330neo ก็ยังคงได้รับความต้องการต่อเนื่อง โดยมีคำสั่งซื้อเกือบร่วม 300 รายการ จากลูกค้า 28 ราย

ครอว์ฟอร์ด แฮมิลตัน ย้ำถึงสมรรถนะของเครื่องบินรุ่นล่าสุด A350F ว่า สามารถบินได้ไกลถึง 4,700 ไมล์ทะเล(หรือ 8,700 กิโลเมตร) โดยยังคงรักษาต้นทุนดำเนินงานต่ำกว่าเครื่องบินขนส่งสินค้าอื่น ๆ ที่มีในตลาดปัจจุบันได้มากกว่า ส่งผลให้รองรับการให้บริการตลาดขนส่งสินค้าหลักทั้งหมดเป็นอย่างดี รวมถึงเส้นทางการขนส่งสินค้าใหญ่ที่สุดในโลกระหว่างฮ่องกงและแองเคอเรจ

อีกทั้ง A350F ยังรองรับน้ำหนักบรรทุกได้มากถึง 111 ตัน มีประตูห้องบรรทุกสินค้าหลักใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมการบิน กว้างขึ้นกว่าเดิมถึง 15 % เมื่อเทียบกับเครื่องบินของคู่แข่ง จึงทำให้เครื่องบิน A350F สามารถขนส่งเครื่องยนต์ขนาดใหญ่แบบใหม่ทั้งหมดได้ ส่วนโครงเครื่องบินทำจากวัสดุขั้นสูงมากกว่า 70 % ขณะบินขึ้นจึงเบากว่าเครื่องบินของคู่แข่งถึง 46 ตัน

ครอว์ฟอร์ด แฮมิลตัน กล่าวว่า เอเชียแปซิฟิกได้กลายเป็นภูมิภาคใหญ่ที่สุดทางการค้าระหว่างประเทศในอีก 20 ปีหน้า ฉนั้นเครื่องบิน A350F ซึ่งได้เพิ่มประสิทธิภาพ และความสามารถบรรทุกสินค้าได้อย่างสอดคล้องกับตลาด รวมถึงพิสัยการบิน ได้รับการปรับแต่งอย่างสมบูรณ์แบบเรื่องพัฒนาการปฏิบัติงานของสายการบินต่าง ๆ โดยตอบโจทย์ความต้องการรบรรทุกสินค้าอันหลากหลาย และพร้อมเป็นผู้นำการขนส่งสินค้าทางอากาศในอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้นด้วย -เรื่องโดย เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน