เอ็มซิมแบงก์ ปรับโฉมใหม่ เป็นธนาคารเพื่อการพัฒนาไทย

  • ลุยสร้างผู้ประกอบการใหม่
  • ส่งเสริมคนไทยลงทุนต่างประเทศ
  • ขยายพอร์ตสินเชื่อทะลุ 300,000 แสนล้าน

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า เป็นประธานเปิดงานประกาศจุดยืนและบทบาทใหม่ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย “เอ็กซิม แบงก์ รวมพลคนกล้า พัฒนาเพื่อคนไทย” ซึ่งในปีนี้เศรษฐกิจไทยเริ่มมีแนวโน้มฟื้นตัว คาดว่าเศรษฐกิจและการส่งออกขยายตัว 3.4% และ 8.1% ตามลำดับ โดยการส่งออกยังมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนประเทศ  โดยมีเอ็กซิมแบงก์ จะมีบทบาทใหม่ในการเป็นธนาคารเพื่อการพัฒนาประเทศ ช่วยผลักดันการค้าและการลงทุน รวมถึงสร้างผู้ประกอบการใหม่และการส่งเสริมผู้ประกอบการไทยไปลงทุนสู่เวทีโลก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีแห่งอนาคตและสิ่งแวดล้อม 

นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ เอ็กซิมแบงก์ กล่าวว่า เอ็กซิมได้ขานรับนโยบายกระทรวงการคลัง เดินหน้าขยายบทบาทการเป็นผู้นำที่ กล้า พัฒนาเพื่อคนไทย สร้างนักรบเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่งงในเวทีโลก โดยตั้งเป้าหมายขยายสินเชื่อคงค้างเป็น 300,000 ล้านบาทภายในปี 70 และเน้นให้กำเนิดอุตสาหกรรมใหม่ และหนุนทุนไทยไปต่างแดน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมบีซีจีไทยให้เชื่อมโยงสู่โลก

ทั้งนี้ จะใช้ 3 เครื่องมือใหม่ ได้แก่ 1.บริการสร้างตัวตนแบบครบวงจรให้ เอสเอ็มอี ไทยในเวทีโลก ด้วยเครื่องมือทั้งทางการเงินและไม่ใช่การเงิน ตั้งแต่การให้ข้อมูล บ่มเพาะ อบรมสัมมนา และให้บริการทางการเงินที่ครบถ้วน เพื่อช่วยให้เกษตรกรรุ่นใหม่ วิสาหกิจชุมชนที่มีศักยภาพ และผู้ประกอบการรายย่อย

2. บริการสร้างโอกาสการลงทุนในต่างแดน มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ประกอบการขนาดกลางที่มีศักยภาพ หรือไซส์เอ็ม ในการออกไปลงทุนในต่างประเทศ เพื่อสร้างฐานการผลิตและขยายเครือข่ายทางการค้า และ3.บริการยกระดับธุรกิจไทยสู่ บีซีจี หรือเศรษฐกิจชีวภาพหมุนเวียนและสิ่งแวดล้อม เช่น การมุ่งสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ สนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยตั้งแต่รายย่อย รายกลาง ไปจนถึงรายใหญ่ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

สำหรับผลการดำเนินงานเดือนม.ค.-ก.ย. 65 ธนาคารสามารถอนุมัติสินเชื่อใหม่ 51,243 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.84% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นวงเงินของเอสเอ็มอี  12,961 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีสินเชื่อคงค้าง 159,816 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12,137 ล้านบาท หรือ 8.22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ณ 20 ต.ค. 65 สินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 162,513 ล้านบาท คาดว่าภายในปี 65 จะทะลุ 165,000 ล้านบาท สูงที่สุดตั้งแต่เปิดดำเนินงาน