เริ่มแล้ว “บัตรสวัสดิการแหง่รัฐ”รอบใหม่ 12.5 ล้านราย ยืนยันตัวตนสำเร็จใช้ได้เลย

  • ยัน “บิ๊กตู่”เดินหน้าบัตรสวัสดิการฯไม่มีเว้นวรรค
  • เตือน ผู้ไม่หวังดีหลอกประชาชนยกเลิกสิทธิแลกเงิน
  • ระวังโทษถึงคุก

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันที่ 1 เมษายน เป็นวันแรกที่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรายใหม่ ที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติ ตามโครงการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 และยืนยันตัวตนตนสำเร็จภายในวันที่ 26 มีนาคม 2566 จะเริ่มใช้สิทธิได้แล้ว ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 12,565,862 ราย โดยจะได้รับสิทธิต่างๆ ดังนี้

1.วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น สินค้าเพื่อการศึกษาและวัตถุดิบเพื่อเกษตรกรรม จากร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น (ร้านธงฟ้าฯ) และร้านอื่นๆ ตามที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดจำนวน 300 บาทต่อคนต่อเดือน ตั้งแต่เวลา 05.00-23.00 น.

2.วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าตามที่กระทรวงพลังงานกำหนด จำนวน 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือนตั้งแต่เวลา 05.00-23.00 น.

3.วงเงินรวมค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ จำนวน 750 บาทต่อคนต่อเดือน โดยสามารถใช้โดยสารได้กับระบบขนส่ง 8 ประเภท ได้แก่ รถองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) รถบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) รถไฟฟ้า บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (Bangkok Mass Transit System : BTS) รถไฟฟ้ามหานคร (Metropolitan Rapid Transit : MRT) และบริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด และรถไฟ โดยไม่จำกัดวงเงินตามประเภทรถ

4.มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า อุดหนุนค่าไฟฟ้าจำนวน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน กรณีที่ใช้ไฟฟ้าเกินวงเงินที่กำหนด ผู้มีสิทธิฯ จะเป็นผู้รับภาระค่าไฟฟ้าทั้งหมด
และ 5.มาตรการบรรเทาภาระค่าน้ำประปา อุดหนุนค่าน้ำประปาจำนวน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน กรณีที่ใช้น้ำประปาเกิน 100 บาท แต่ไม่เกิน 315 บาท ผู้มีสิทธิฯ ยังคงได้รับการสนับสนุนในวงเงิน 100 บาท และจะต้องชำระส่วนที่เกิน 100 บาท ด้วยตนเอง แต่หากผู้มีสิทธิฯ มีการใช้น้ำประปาเกิน 315 บาท ผู้มีสิทธิฯ จะเป็นผู้รับภาระค่าน้ำประปาทั้งหมด

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า สำหรับผู้ผ่านเกณฑ์ฯ แต่ยังไม่ได้ดำเนินการยืนยันตัวตนภายในวันที่ 26 มีนาคม 2566 ไม่ต้องตกใจ ท่านยังคงสามารถยืนยันตัวตนได้ที่ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. โดย ธ.ก.ส. และธนาคารออมสิน จะให้บริการยืนยันตัวตนเป็นเวลา 180 วัน นับจากวันที่ประกาศผลการพิจารณาคุณสมบัติ คือถึงวันที่ 27 สิงหาคม 2566 ส่วนธนาคารกรุงไทยฯ จะให้บริการยืนยันตัวตนยังไม่มีกำหนดวันสิ้นสุดการให้บริการ ซึ่งในการยืนยันตัวตนนั้นผู้ผ่านเกณฑ์ฯ จะต้องใช้บัตรประจำตัวประชาชน และผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนกับธนาคารใดก็ได้ เนื่องจากการผูกบัญชีพร้อมเพย์ไว้ล่วงหน้าจะทำให้ผู้ได้รับสิทธิโครงการฯ สะดวกในการรับสิทธิสวัสดิการ หากภาครัฐมีการให้สวัสดิการเป็นเงินโอนเข้าบัญชีในอนาคต

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้งนี้ขอให้พี่น้องประชาชนรีบยืนยันตัวตนให้เรียบร้อยเพื่อใช้สิทธิ โดยไม่ต้องหวั่นไหวต่อกระแสข่าวลือใดๆ ยืนยันว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินหน้าโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอย่างต่อเนื่อง ไม่มีเว้นวรรคแม้จะมีการยุบสภาฯ มุ่งยกระดับสวัสดิการประชาชน ถือเป็นผลงานชิ้นโบแดงที่ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อจนมีกระแสความนิยมอย่างสูง

“อย่างไรก็ตาม ทราบข่าวว่า มีความพยายามของบุคคลผู้ไม่หวังดี ออกอุบายเชิญชวนให้ประชาชนยกเลิกสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แล้วจะโอนเงินให้กับผู้มีสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นการตอบแทนด้วยเงินจำนวนต่างๆ ซึ่งถือเป็นการกระทำที่เข้าข่ายหลอกลวงประชาชน ทำให้เสียสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ อาจมีความผิดทางอาญา มีโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับ 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ฉะนั้นจึงขอให้พี่น้องประชาชนอย่าหลงเชื่อ หากพบเบาะแส หรือการกระทำที่แอบอ้างดังกล่าว ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ” น.ส.ทิพานัน กล่าว