สปสช.เพิ่มยารักษามะเร็งเต้านมระยะลุกลามใน “สิทธิบัตรทอง” 30 บาท

สปสช.เพิ่มรายการ ‘ยาไรโบไซคลิป’ รักษามะเร็งเต้านมระยะลุกลาม ในระบบบัตรทอง 30 บาท ดำเนินการจัดซื้อในปี 67 เพิ่มโอกาสผู้ป่วยเข้าถึงยารักษาในระยะลุกลามที่ได้ผลดีกว่า แต่มีราคาสูง

  • ดำเนินการจัดซื้อในปี 67
  • เพิ่มโอกาสผู้ป่วยเข้าถึงยารักษา
  • ในระยะลุกลามที่ได้ผลดีกว่า แต่มีราคาสูง

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ได้มีมติชอบเห็นชอบให้เพิ่มเติมรายการ “ยาไรโบไซคลิบ” (Ribociclib) เข้าไปอยู่ในแผนจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จําเป็นตามโครงการพิเศษ เพื่อรักษาผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะลุกลามในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท ซึ่งจะเป็นการดูแลผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะลุกลามให้เข้าถึงการรักษาเพิ่มขึ้น และยังมอบหมายให้ สปสช. ติดตามการเข้าถึงยาและการใช้ยาไรโบไซคลิบนี้อย่างใกล้ชิด และรายงานสถานการณ์ต่อบอร์ด สปสช. ผ่านคณะอนุกรรมการกำหนดประเภทและขอบเขตในการให้บริการสาธารณสุข และคณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การดําเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนทุก 6 เดือน

“จากมติบอร์ด สปสช. ในครั้งนี้จะทำให้ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะลุกลามสามารถเข้าถึงยาไรโบไซคลิบได้ จากแต่เดิมที่ผู้ป่วยสิทธิบัตรทองยังเข้าไม่ถึงยารักษานี้ ด้วยเป็นยาใหม่ที่มีราคาแพง นอกจากนี้ยังเป็นส่วนที่สนับสนุนนโยบายมะเร็งครบวงจร เพื่อยกระดับ 30 บาท Upgrade ภายใต้ Quick win ด้านสาธารณสุขของรัฐบาล ในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งให้ได้รับบริการอย่างมีคุณภาพและมาตรฐาน รวมถึงยาที่มีประสิทธิภาพในปีงบประมาณ 2567 นี้” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว

ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตามแผนการจัดซื้อยาของ สปสช. ในปีงบประมาณ 2567 ได้มีแผนที่จะจัดซื้อยานิโลตินิบ (nilotinib) ซึ่งเป็นยารักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว รวมงบประมาณราว 301.63 ล้านบาท ต่อมาบริษัทที่จำหน่ายยามะเร็งดังกล่าวนี้ ได้นำเสนอยาไรโบไซคลิบที่เป็นยาใหม่สำหรับการรักษาผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะลุกลามเข้าสู่ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยเสนอปรับลดราคายานิโลตินิบ และยาไรโบไซคลิบ

จากข้อเสนอดังกล่าวนี้ ทำให้ สปสช. จัดซื้อยานิโลตินิบได้จำนวนเท่าเดิม ในราคาที่ลดลง ขณะเดียวกันได้จัดซื้อยาไรโบไซคลิบสำหรับดูแลผู้ป่วย 876 คน

“ที่ประชุมบอร์ด สปสช. พิจารณาแล้วเห็นว่าข้อเสนอนี้จะทำให้ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมสามารถเข้าถึงยาได้มากขึ้น ในขณะที่ใช้งบประมาณภายใต้วงเงินเดิมที่เตรียมไว้ จึงได้เห็นชอบให้ยาไรโบไซคลิบ เป็นสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยมอบหมายคณะอนุกรรมการจัดทำแผนการจัดซื้อยาฯ ปรับแผนจัดซื้อยานิโลตินิบตามราคาที่บริษัทเสนอ และทยอยจัดซื้อยาไรโบไซคลิบ โดยให้วงเงินรวมของยา 2 รายการนี้ ไม่เกินวงเงินตามแผนจัดซื้อยานิโลตินิบเดิม” เลขาธิการ สปสช. กล่าว