“ศักดิ์สยาม”ไม่อยู่เฉยจับมือ สภาอุตฯ หอการค้าไทย ผู้ประกอบการ ขนส่ง บก น้ำ อากาศ ระดมกึ๋น!หาทางลดผลกระทบโลจิสติกส์จาก “สงครามรัสเซีย-ยูเครน”

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมแนวทางการลดผลกระทบต่อภาคคมนาคมขนส่งจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหพันธรัฐรัสเซีย และประเทศยูเครนว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดคมนาคมทุกหน่วยงานเฝ้าระวังและดำเนินการลดผลกระทบต้นทุนในทุกระบบการคมนาคมขนส่งทั้ง ทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ ทางราง โดยทางถนน ให้พิจารณาต้นทุนรถโดยสารสาธารณะ ที่จะส่งผลต่อการเสนอปรับขึ้นอัตราค่าโดยสาร รวมทั้งต้นทุนรถแท็กซี่ รวมถึงแนวทางการอุดหนุน (Subsidy) ผู้ประกอบการเนื่องจากต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น โดยในส่วนของผู้ให้บริการขนส่ง ให้เตรียมประเมินสถานการณ์ในอนาคต กรณีตรึงราคาน้ำมันที่ 30 บาท/ลิตร และที่ราคาอื่น ๆ รวมถึงการประเมินราคาต้นทุนการก่อสร้างที่สูงขึ้น และแนวทางในการจ่ายเงินชดเชยค่า K หรือ ESCALATION FACTOR

ส่วนทางด้านการขนส่งทางราง ให้ประชาชนได้รับความสะดวกในการเข้าใช้ระบบการขนส่งทางราง โดยให้มีการพัฒนาระบบการจ่ายค่าโดยสารร่วมในระบบขนส่งมวลชนสาธารณะรูปแบบอื่น การส่งเสริมทางการตลาด เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนเดินทางด้วยรถไฟฟ้า รวมทั้งพัฒนา Application ที่ให้ข้อมูลการเดินทาง การเชื่อมต่อตลอดจนมาตรการส่งเสริมการขนส่งระบบราง และเตรียมความพร้อมในการรองรับบริการที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางมาใช้ระบบรถไฟฟ้า

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ส่วนด้านการขนส่งทางน้ำ ให้มีแผนการปรับเปลี่ยนการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไปใช้พลังงานทางเลือกอื่น โดยบริหารจัดการสภาพคล่องให้เพียงพอต่อการดำเนินกิจการและการปฏิบัติงาน เพื่อมิให้เกิดการหยุดชะงักอย่างเฉียบพลันและส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ ส่วนทางด้านการขนส่งทางอากาศ ให้พิจารณามาตรการบรรเทาผลกระทบสายการบิน รวมทั้งพิจารณามาตรการให้การช่วยเหลืออื่นๆ เพิ่มเติมในด้านการผ่อนคลายกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคและช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินกิจการของผู้ประกอบการ รวมทั้งมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานเพื่อลดค่าใช้จ่ายของสายการบิน โดยเฉพาะค่าน้ำมันเชื้อเพลิง และเตรียมพร้อมในกรณีเกิดเหตุวิกฤติ

นอกจากนั้นในส่วนของหน่วยงานภาคเอกชน ได้เสนอประเด็นปัญหาเรื่องการขนส่งชายฝั่งและการบริหารจัดการพื้นที่ภายในท่าเรือแหลมฉบัง รวมทั้งมาตรการสนับสนุนเพื่อลดต้นทุนการขนส่งด้านอื่น ๆ นอกเหนือจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น นอกจากนั้นตนได้มีข้อสั่งการเพิ่มเติมให้ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) ประสานงานหน่วยงานในสังกัดคมนาคมและหน่วยงานภาคเอกชน นำข้อเสนอแนะต่าง ๆ มาประมวลสรุปผลเพื่อนำเสนอต่อกระทรวง ก่อนรายงานไปยังนายกรัฐมนตรี และให้จัดตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนด้านโลจิสติกส์และขนส่งที่เกี่ยวข้อง และเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานร่วมกันติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้สามารถผลักดันให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยให้มีการประชุมติดตามผลการดำเนินงานครั้งถัดไปในอีก 2 สัปดาห์

สำหรับภาคเอกชน ที่เข้าประชุมร่วมกับกระทรวงคมนาคม ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย สมาคมผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (TIFFA) สมาคมตัวแทนขนส่งสินค้าทางอากาศ (TAFA) สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) สมาคมเจ้าของเรือไทย สมาคมเจ้าของและตัวแทนเรือกรุงเทพ (BSAA) สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย สมาคมขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย