“ทรัมป์”เดินหน้าคว่ำบาตรการเงินเศรษฐกิจอิหร่าน

ผู้นำสหรัฐแถลงผลการโจมตีด้วยขีปนาวุธของอิหร่านถล่มเป้าหมายฐานทหารสหรัฐในอิรักไม่ก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงมากนัก พร้อมเดินหน้าบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรการเงินและเศรษฐกิจอิหร่านมากขึ้น

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้เวลาแถลงข่าวนาน 10 นาที เมื่อช่วง 11.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 23.00 น.คืนที่ผ่านมา ตามเวลาบ้านเรา ระบุการโจมตีของอิหร่านถล่มฐานทัพสหรัฐที่เมืองอาร์บิลและฐานบินอัล อัสซาด นอกกรุงแบกแดดในอิรัก เมื่อคืนวันพุธ ตามเวลาอิรัก ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรง ไม่มีทหารอเมริกันหรือชาวอิรักได้รับอันตราย 

การโจมตีของอิหร่านเห็นได้ชัดว่าแทบไม่มีผลอะไร ซึ่งถือเป็นเรื่องดีต่อทุกฝ่าย ทั้งระบุว่าอเมริกันยังเข้มแข็งทั้งด้านการทหารและเศรษฐกิจ มีความพรั่งพร้อมของอุปกรณ์ด้านการทหาร แต่ไม่ได้หมายความว่าสหรัฐจะต้องใช้อาวุธยุทโธปกรณ์เหล่านั้น โดยสหรัฐจะดำเนินมาตรการคว่ำบาตรด้านการเงินและเศรษฐกิจต่ออิหร่านยิ่งขึ้น จนกว่าอิหร่านจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมละทิ้งความพยายามพัฒนานิวเคลียร์ และเลิกสนับสนุนลัทธิก่อการร้าย สังคมโลกที่พัฒนาแล้วต้องช่วยส่งสารถึงรัฐบาลอิหร่านให้หยุดก่อการร้าย หยุดเข่นฆ่าและหยุดประทุษร้าย ซึ่งสหรัฐจะไม่อดทนอดกลั้นต่อเรื่องนี้อีกต่อไป

ก่อนหน้านี้ กองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลามของอิหร่านแถลงยืนยันว่า ช่วงเวลาราว 02.00 น.ของคืนวันพุธที่ผ่านมา ตามเวลาอิรัก อิหร่านได้ยิงขีปนาวุธยิง 22 ลูก โจมตีฐานทัพสหรัฐในอิรัก แบ่งเป็นฐานทัพอากาศอัลอัสซาด ทางตะวันตกของกรุงแบกแดด 17 ลูก และฐานทัพเมืองอาร์บิล 5 ลูก ทั้งอ้างแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ระบุการยิงขีปนาวุธครั้งนี้สังหารทหารอเมริกันได้อย่างน้อย 80 นาย และสร้างความเสียหายแก่อาวุธยุทโธปกรณ์ของสหรัฐที่ฐานทัพอากาศอัลอัสซาดจำนวนมาก ถือเป็นการตบหน้าสหรัฐอย่างจัง เพื่อแก้แค้นที่สหรัฐสังหาร พล.ต.กาเซ็ม โซไลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังกุดส์ หน่วยพิเศษของกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน เมื่อวันศุกร์ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่กรุงแบกแดด

สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ส่งผลให้สายการบินหลายแห่งประกาศเลี่ยงบินผ่านเหนือน่านฟ้าอิหร่าน ไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย แอร์ไลน์, สิงคโปร์ แอร์ไลน์, แควนตัส สายการบินไชน่า แอร์ไลน์, แอร์ฟรานซ์, รอยัล ดัตช์ แอร์ และลุฟต์ฮันซา เช่นเดียวกับสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐ หรือ FAA ออกแถลงการณ์ห้ามสายการบินของสหรัฐบินผ่านเหนือน่านฟ้าอิรัก อิหร่าน รวมทั้งเหนือน่านฟ้าบริเวณอ่าวเปอร์เซีย และอ่าวโอมาน 

ขณะที่หลายฝ่ายทั้งสหภาพยุโรป อังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส รัสเซีย และจีน เรียกร้องให้ทั้งสหรัฐและอิหร่านอดทนอดกลั้นและหลีกเลี่ยงการทำให้สถานการณ์เผชิญหน้าเลวร้ายลง