ดาวโจนส์ กลับมาร่วงอีกกว่า 580 จุด ผิดหวังผลประกอบการค้าปลีกทรุด

.นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาอีกครั้ง หลังบริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่ประกาศผลประกอบการน่าผิดหวัง
.ตลาดกังวลภาวะเงินเฟ้อสูงในสหรัฐเริ่มส่งผลกระทบต่อกำไรของภาคธุรกิจ
.FedWatch Tool บ่งชี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 100% ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.5% ในการประชุม 2 ครั้งข้างหน้า

เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 32,069.91จุด ลดลง
584.68 จุด หรือ -1.79% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 11,727.49 จุด ลดลง 257.04 จุด ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 4,006.22 จุด ลดลง 82.63 จุด หรือ -2.02%

นักลงทุนเทขายหุ้นอีกรั้ง หลังหุ้นกลุ่มค้าปลีกเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง โดยถูกกระทบจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่พุ่งขึ้น ทำให้ค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งเพิ่มขึ้น และเป็นการบ่งชี้ว่าภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐเริ่มส่งผลกระทบต่อกำไรของภาคธุรกิจ

ราคาหุ้นทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลงเกือบ 25% ในวันนี้ หลังเปิดเผยตัวเลขกำไรในไตรมาสแรกต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่ราคาหุ้นโลว์ส ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลงกว่า 3% หลังเปิดเผยรายได้ในไตรมาสแรกต่ำกว่าคาด

นอกจากนั้น การยืนยันของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ว่า เฟดจะไม่ลังเลในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะสามารถควบคุมเงินเฟ้อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ยังกลับมาสร้างความกังวลให้กับตลาด โดยมองว่าจะกระทบต่อต้นทุน และผลประกอบการของบริษัทในอนาคต

ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินอีก 2 ครั้ง ทั้งในเดือนมิ.ย.และก.ค. หลังจากที่เฟดเพิ่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนพ.ค. เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2543 และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 20 ปี

ขณะเดียวกัน เฟดเตรียมปรับลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening : QT) โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมิ.ย. ซึ่งเฟดจะลดขนาดงบดุลในวงเงิน 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และหลังจากนั้น 3 เดือน เฟดจะเพิ่มการลดขนาดงบดุลเป็น 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน