ดาวโจนส์พุ่งแรงกว่า 600 จุด คาดไบเดนกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่

.นักลงทุนซื้อหุ้นเพื่อเก็งกำไร ขานรับชัยชนะของนายไบเดน
.ตลาดคาดจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ตามมา
. ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน

เมื่อเวลา 21.20 น.ตามเวลาประเทศไทย ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นต่อเนื่อง ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ทะลุ 28,000 จุด เคลื่อนไหวที่ 28,467.97 จุด เพิ่มขึ้น 620.31 จุด หรือ +2.23% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 11,893.62 จุด เพิ่มขึ้น 302.83 จุด หรือ +2.61% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,528.72 จุด เพิ่มขึ้น 85.28 จุด +2.48%

นักลงทุนซื้อหุ้นเพื่อเก็งกำไร ขานรับความเป็นไปได้ที่นายโจ ไบเดน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต จะคว้าชัยชนะของ และคาดการณ์การว่าจะมีการรออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐครั้งใหญ่

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นายไบเดนยังคงมีคะแนนนำประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยได้คะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้ง 264 เสียง ขณะที่ปธน.ทรัมป์ได้ 214 เสียง โดยนายไบเดนต้องการอีกเพียง 6 เสียงเท่านั้นก็จะได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งหรือ 270 เสียงจากทั้งหมด 538 เสียง เพื่อชนะการเลือกตั้ง

ทั้งนี้ หลังพบว่าคะแนนเสียงของนายไบเดนเริ่มตีตื้นขึ้นจนแซงหน้าประธานาธิบดีทรัมป์ในรัฐสำคัญใน Swing State หรือ Battleground State ซึ่งเป็นรัฐที่ไม่ใช่ฐานเสียงของทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ขณะที่เจ้าหน้าที่ในหน่วยเลือกตั้งเริ่มนับคะแนนบัตรเลือกตั้งที่มีการส่งทางไปรษณีย์ เมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐก็ปรับเพิ่มขึ้นเพื่อรับข่าวดังกล่าว และปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ในวันนี้

ตลาดความหวังนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของนายไบเดน ซึ่งพรรคเดโมแครตเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะที่พรรครีพับลิกันเสนอวงเงินเพียง 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ในการออกมาตรการเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยคาดว่าหากะพรรคเดโมแครตสามารถครองเสียงข้างมากอย่างเบ็ดเสร็จในสภาคองเกรสทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ก็จะทำให้การขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นไปอย่างราบรื่น

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจับตานโยบายการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลของนายไบเดน รวมทั้งการออกมาตรการควบคุมกฎระเบียบสถาบันการเงิน และบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐ

ด้านตัวเลขเศรษกิจออกมาในทิศทางที่ดี โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน โดยลดลงสู่ระดับ 751,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว จากระดับ 758,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค. ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 732,000 ราย

ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกได้พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์แตะระดับ 6.9 ล้านรายในช่วงปลายเดือนมี.ค. โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลให้ภาคธุรกิจปิดกิจการ และมีการปลดพนักงานจำนวนมาก

นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนนี้ และการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันพรุ่งนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 530,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 7.7%