ดาวโจนส์ปิดลบ 282 จุด กังวลยอดค้าปลีกร่วง-ห่วงเศรษฐกิจสะดุด

.ตลาดกังวลยอดค้าปลีกดิ่งหนักลดลง 1.1% ในเดือนก.ค. มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์
.นักลงทุนเทขายหุ้น หวั่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา กระทบการฟื้นตัวเศรษฐกิจ
.จับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ประจำเดือนก.ค.วันนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 17 ส.ค.ที่ 35,343.28 จุด ลดลง 282.12 จุด หรือ -0.79% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,448.08 จุด ลดลง 31.63 จุด หรือ -0.71% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 14,656.18 จุด ลดลง 137.58 จุด หรือ -0.93%

นักลงทุนเทขายหุ้นเพื่อทำกำไรและลดความเสี่ยง หลังตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นต่อเนื่องมา ขณะที่กังวลการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ที่เริ่มมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐมากขึ้น

โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกดิ่งลง 1.1% ในเดือนก.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 0.3%

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ปรับทบทวนยอดค้าปลีกในเดือนมิ.ย.เป็นเพิ่มขึ้น 0.7% จากเดิมรายงานว่าเพิ่มขึ้น 0.6%

ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกที่ซบเซาในเดือนก.ค. โดยรับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา รวมทั้งการที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลได้หมดอายุลง ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร ดิ่งลง 1.0% ในเดือนก.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 1.4% ในเดือนมิ.ย.

นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความวิตก หลังสหรัฐเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านร่วงต่ำสุดรอบ 1 ปีในเดือนส.ค. โดยสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านลดลง 5 จุด สู่ระดับ 75 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2563 โดยมีสาเหตุจากสต็อกบ้านที่มีจำกัด การขาดแคลนแรงงาน รวมทั้งการพุ่งขึ้นของราคาบ้าน และต้นทุนในการก่อสร้าง

หุ้นกลุ่มหุ้นสินค้าฟุ่มเฟือย (Consumer Discretionary) ร่วงลง 2.68% โดยหุ้นคาปรี โฮลดิ้งส์ (Capri Holdings) ซึ่งเป็นบริษัทที่เกิดจากการควบรวมกิจการระหว่างไมเคิล คอร์ส และจิอันนี เวอร์ซาเช่ ร่วงลง 4.49% หุ้นราล์ฟ ลอเรน ดิ่งลง 2.69% หุ้นไนกี้ ปรับตัวลง 0.99%

หุ้นโฮม ดีโปท์ ดิ่งลง 4.32% ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดตลาดร่วงลงเมื่อคืนนี้ โดยแม้ว่าบริษัทมีกำไรและรายได้ในไตรมาส 2 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แต่บริษัทเปิดเผยว่า ลูกค้าที่เดินทางเข้าร้านเพื่อซื้อสินค้าประเภท DIY หรือ do-it-yourself มีจำนวนลดลงถึง 5.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว

ผลประกอบการที่น่าผิดหวังของโฮม ดีโปท์ ได้ฉุดราคาหุ้นของบริษัทอื่นๆที่ทำธุรกิจประเภทเดียวกันร่วงลงด้วย โดยหุ้นโลว์ส (Lowe’s) ทรุดตัวลง 5.8% หุ้นเบด บาธ แอนด์ บียอนด์ ร่วงลง 3.56% หุ้นทาร์เก็ต ดิ่งลง 2.9%

ขณะที่การร่วงลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านสหรัฐได้ฉุดหุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านและกลุ่มก่อสร้างปรับตัวลงด้วย โดยหุ้นพัลท์กรุ๊ป ดิ่งลง 3.97% หุ้นเลนนาร์ คอร์ปอเรชัน ร่วงลง 3.89% หุ้นดีอาร์ ฮอร์ตัน ร่วงลง 3.89% หุ้นอาร์มสตรอง เวิลด์ อินดัสทรีส์ ร่วงลง 2.36% หุ้นสกายไลน์ แชมเปียน คอร์ปอเรชัน ดิ่งลง 3.88%

การกลับมาระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตา ทำให้หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์มีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นไฟเซอร์ พุ่งขึ้น 3.09% หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เพิ่มขึ้น 0.92% หุ้น Abbvie พุ่งขึ้น 1.06% หุ้นแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส ปรับตัวขึ้น 0.83% หุ้นอิไล ลิลลี่ (Eli Lilly) เพิ่มขึ้น 1.03%

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำเดือนก.ค.ในวันนี้ รวมทั้งการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงิน QE ในการประชุมดังกล่าว