ดาวโจนส์ปิดตลาดทุบสถิติสูงสุดใหม่30,218.26 จุด เพิ่มขึ้น 248.74 จุด

  • ดัชนีแนสแด็ก-เอสแอนด์พี500ไม่น้อยหน้า ปิดที่ระดับสูงสุดเช่นกัน
  • นักลงทุนคาดรัฐเร่งออกมาตรการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจรอบใหม่ในเร็วๆ นี้
  • ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเพิ่มขึ้นในอัตราต่ำที่สุดตั้งแต่มีโควิด-19

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่4 ธ.ค.ที่ 30,218.26 จุด เพิ่มขึ้น 248.74 จุด หรือ +0.83%, ดัชนีเอยแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,699.12จุด เพิ่มขึ้น 32.40 จุด หรือ +0.88% และดัชนีแนสแด็ก  คอมโพฐิส ปิดที่ 12,464.23 จุด เพิ่มขึ้น 87.05 จุด หรือ +0.7% ดัชนีหุ้นทั้ง 3 ตัวปิดตลาดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 

นักลงทุนมีความหวังว่าสหรัฐจะเร่งออกมาตรการเยียวยารอบใหม่ในเร็วๆ นี้ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐมีการขยายตัวในอัตราต่ำที่สุดในรอบ 6 เดือน

ส่งผลให้มีแรงซื้อหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจอาทิ กลุ่มพลังงาน, วัสดุ และอุตสาหกรรม นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 5.4% โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น

ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเพิ่มขึ้นในอัตราต่ำที่สุดนับตั้งแต่ตลาดแรงงานเริ่มฟื้นตัวในเดือนพ.ค. โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 245,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 440,000 ตำแหน่ง และต่ำกว่าระดับ 610,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

อย่างไรก็ตาม อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 6.7% ในเดือนพ.ย. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากแตะระดับ 6.9% ในเดือนต.ค.

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อของภาคโรงงานสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.0% ในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.8% หลังจากพุ่งขึ้น 1.3% ในเดือนก.ย

นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐกล่าวว่า ข้อมูลการจ้างงานที่ชะลอตัวบ่งชี้ว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจกำลังหยุดชะงัก และเตือนว่าสหรัฐจะเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายมากขึ้นในฤดูหนาวนี้ หากสภาคองเกรสไม่เร่งอนุมัติกฎหมายเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากโรคโควิด-19

นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐกล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานที่ซบเซาเป็นสิ่งที่ย้ำเตือนว่า สภาคองเกรสจำเป็นต้องเร่งพิจารณาออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

นักวิเคราะห์ตลาดรายหนึ่งแสดงความเห็นว่า “ข้อมูลการจ้างงานที่ต่ำกว่าคาดอาจเป็นข่าวดีสำหรับนักลงทุน เนื่องจากจะเร่งให้สภาคองเกรสออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในไม่ช้านี้”

หุ้นกลุ่มการเงินที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยปรับตัวขึ้น หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ที่ระดับสูงกว่า 0.98%

นอกจากนั้น ข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับการพัฒนาวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นในปีหน้า และได้บดบังความวิตกเกี่ยวกับยอดติดเชื้อโควิดที่ยังคงพุ่งขึ้นในสหรัฐ

หุ้นโบอิ้งปรับตัวลงสวนทางตลาด โดยลดลง 1.9% หลังผู้บริหารระดับสูงเปิดเผยว่า โบอิ้งจะลดการผลิตเครื่องบินรุ่น 787 ดรีมไลเนอร์ลงเป็นครั้งที่ 4 ในรอบ 18 เดือน