กกร.ประเดิมนัดแรกแห่งปีวัวทองประกาศโยนผ้าขาว

ปรับลดการเติบโตจีดีพีและภาคการส่งออก
แนะรัฐเทหมดหน้าตัก2แสนล้านช่วยคนไทย
ยื่นเผือกร้อน4เรื่องให้หามาตรการฝ่าวิกฤต

นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน3 สถาบัน(กกร.) ที่ประกอบด้วยสภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)สมาคมธนาคารไทย เปิดเผยหลังการประชุมกกร. ว่า กกร.ได้มีการประเมินภาพรวมการฟื้นตัว ทางเศรษฐกิจของไทยปี นี้ จะล่าช้าไปจากเดิมที่เคยประมาณการไว้ เมื่อเดือนธ.ค.ท่ีผ่านมา

เนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยง ท่ีเป็นผลกระทบจากโควิด-19 ระลอก2 ที่หากสามารถควบคุมการแพร่ระบาด ได้ในเวลา 3 เดือนและมีการใช้งบประมาณเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอีก200,000 ล้านบาท เพื่อพยุงเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาล ก็คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)ปีนี้ จะขยายตัวในกรอบ 1.5- 3.5% ลดลง จากประมาณการเดิม ที่คาดว่าขยายตัว2 – 4 % ภาคการ ส่งออกคาดว่าจะขยายตัว 3-5 % จากเดิม จะขยายตัว 4-6% อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในกรอบ 0.8- 1.0% จากเดิม0.8-1.2%

“ การแพร่ระบาดโควิด-19ในประเทศไทยและต่างประเทศ ทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภค การท่องเที่ยว ลงทุน ลดลง ส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าที่เคยคาดการณ์ รวมถึงเศรษฐกิจโลก ที่จะชะลอตัวช้าลงเนื่องจากหลายๆ ประเทศมีการระบาดรอบ 2-3เพิ่มขึ้น จึงต้องดูในเรื่องของวัคซีน โดยของไทย สิ่งสำคัญท่ีสุด คือต้องเร่งควบคุมการแพร่ระบาดให้เร็วที่สุด ”

สำหรับข้อเสนอของกกร.ต่อรัฐบาล ได้แก่ 1. รัฐบาลต้องเร่งควบคุมการแพร่ระบาด และบังคับใช้มาตรการต่างๆที่ประกาศออกมาอย่างเคร่งครัด ให้ตรงจุด ควบคุมดูแลที่อยู่ของคนงานต่างด้าว ให้เหมาะสมเพื่อระงับการแพร่ระบาด รวมท้ังต้องเร่งจับผู้กระทำผิดทั้งบ่อนการพนัน การนำเข้าแรงงานต่างด้าวอย่างผิดกฎหมาย เร่ง สร้างความเชื่อมั่นให้สินค้าของประเทศไทย ว่าปัญหาการแพร่ระบาดส่วนใหญ่ มาจากคนสู่คน ไม่ใช่จากอาหารหรือสินค้าสู่คน

2.ขอให้เร่งดำเนินการเรื่องงบประมาณช่วยเหลือ 200,000 ล้านบาท โดยให้กำหนดวิธีการให้ชัดเจนปฏิบัติได้เร็วและให้ส่งผล ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถช่วยพยุงเศรษฐกิจได้อีกทางหน่ึง ซึ่งอาจเป็นการต่ออายุโครงการคนละครึ่งออกไปอีก 3 เดือน ,มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน และผู้ประกอบการ เช่น ลดค่าไฟฟ้า 5% และพิจารณาเพิ่มงบประมาณ เพื่อการให้การช่วยเหลือประชาชน 5,000 บาท ต่อคนเหมือนการระบาดรอบแรกรวมท้ัง การใช้เครื่องมือทางการเงินอาทิ ให้ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.) เข้ามาช่วยเหลือผู้ประกอบการ อย่างมีประสิทธิภาพ

 3.เร่งรัดเรื่องวัคซีน ให้สามารถได้มาตามกำหนดเวลาและมีปริมาณ ที่เพียงพอรวมถึงกำหนดวิธีการและหลักเกณฑ์ในการกระจาย การขนส่ง และฉีดวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจัดลำดับผู้ที่ได้รับวัคซีนก่อนหลัง อย่างเหมาะสม 4. เร่งรัดการใช้และการเจรจาการค้าทวิภาคี รวมถึงการให้สัตยาบันลงนามข้อตกลง ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค ในการประชุมรัฐสภา เพื่อให้ข้อตกลงที่ลงนามไปเมื่อเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา มีผลบังคับใช้กลางปีนี้ เพื่อให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ มีแรงส่งเพิ่มขึ้น ในช่วงครึ่งปีหลัง

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานส.อ.ท.กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนถึงการเลิกจ้างงาน ของสมาชิกส.อ.ท.แต่เป็นห่วงว่าจะมีแนวโน้มการตกงานเพิ่มขึ้น ขึ้นอยู่กับว่าปัญหานี้ จะยืดเยื้อมากน้อยเพียงใด โดยต้องการให้ รัฐบาลเข้ามาช่วยเรื่องของสภาพคล่องของธุรกิจ ให้กับผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง และ ภาคเอกชน ยังมีความกังวลเรื่องแรงงานต่างด้าวติดเชื้อในหลายๆโรงงาน ขณะที่การส่งออก ของไทยคาดว่าไตรมาสแรกปีนี้มีโอกาสติดลบ เนื่องจากจีนมีเรื่องวันหยุดตรุษจีนยาวนาน ทำให้การสั่งซื้อสินค้าจากประเทศไทยลดลง และ ปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่า รวมถึงการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ที่คาดว่าจะคลี่คลายลงในไตรมาส 2-3

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ต้องการให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาโควิด-19ให้ตรงจุด และมาตรการท่ีจะกำหนดออกมา ต้องแก้ไขให้กรณีๆไป ไม่ใช้ออกมาตรการมาแบบเหมาเข่ง เพื่อทำให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยขับเคลื่อนไปได้ กรณีการทำธุรกิจที่อาจไม่สะดวกจากโควิด-19ของผู้ประกอบการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ก็ต้องทำให้แผนงานเดินหน้า เพื่อให้แต่ละธนาคารปรับโครงสร้างหนี้ได้ต่อเนื่องในปีนี้