S&P คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย ที่ BBB+

คลัง ปลื้ม S&P คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย ที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยอยู่ในระดับมีเสถียรภาพ

  • คาดเศรษฐกิจไทย ฟื้นตัว 2.5%
  • ปัจจัยที่มีผลต่อการปรับอันดับความน่าเชื่อถือ
  • การเติบโตทางเศรษฐกิจ -ระดับรายได้ต่อหัว

นางจินดารัตน์ วิริยะทวีกุล ที่ปรึกษาด้านหนี้สาธารณะ โฆษกสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เปิดเผยว่า   บริษัท S&P Global Ratings (S&P) ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) ที่ระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

1. เศรษฐกิจไทยคาดว่าจะฟื้นตัวและเติบโตอย่างรวดเร็วจาก  2.5% ในปี 2566 เป็น 4.2 % ในปี 2567 เนื่องจากการดำเนินมาตรการทางการคลังและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว อีกทั้งอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่แท้จริง (Real GDP Growth) จะเติบโตเฉลี่ย 3.2% ในช่วงปี 2566 – 2569 ขณะที่สัดส่วนการขาดดุลงบประมาณต่อ GDP เฉลี่ยคาดว่าจะอยู่ต่ำกว่า 4 %ในช่วงปี 2567 – 2569 นอกจากนี้ รัฐบาลไทยจะยังคงเน้นการลงทุนตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ซึ่งรวมถึงโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) และโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งตามแผนแม่บท โดยคาดว่าการลงทุนของรัฐวิสาหกิจและความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (Public-Private-Partnerships) จะมีบทบาทสำคัญในขับเคลื่อนโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งการลงทุนอย่างต่อเนื่องจะช่วยฟื้นฟูความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป 

2.หนี้ภาครัฐบาลสุทธิ (Net General Government Debt) อยู่ในระดับปานกลาง ขณะที่ภาคการเงินต่างประเทศ (External Finance) แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะยังคงเกินดุลตั้งแต่ปี 2567 – 2569 เนื่องจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว (Services Exports) เป็นสำคัญ 

3.  ปัจจัยที่มีผลต่อการปรับอันดับความน่าเชื่อถือ คือ การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ระดับรายได้ต่อหัว (Per Capita Income) ความเข้มแข็งทางการคลัง และเสถียรภาพทางการเมือง