ชวนคนไทยร่วมกิจกรรม 10 โครงการ เฉลิมพระเกียรติในหลวงปีมหามงคล

โครงการ
นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการแถลงข่าวการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา

นายกฯเศรษฐา ชวนคนไทยรวมพลัง แสดงความจงรักภักดี ร่วมทำกิจกรรม 10 โครงการ เฉลิมพระเกียรติในหลวง ในปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา

มีโอกาสได้รับเชิญจากท่านนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ร่วมรับประทานอาหารค่ำกัน วันก่อน ท่านนายกฯเล่าให้ฟังว่า รัฐบาล และ หน่วยราชการทุกหมู่เหล่าวางแผนการจัดงานพระราชพิธีอันเป็นมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฏาคม พ.ศ.2567 นี้

เป็นการเฉลิมพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 มากมายหลายโครงการด้วยกัน

จริงๆหลายหน่วยราชการ กระทรวง ทบวง กรม และ กองทัพ เตรียมการไว้อย่างยิ่งใหญ่ “ผมคิดว่า ครบถ้วนแล้ว” ส่วนย่า ก็คิดว่า ทุกหน่วยราชการ คงกำลังเร่งมือเตรียมการเพื่อปฏิบัติภารกิจนี้ ให้เป็นที่ประทับพระราชหฤทัย และประทับใจแก่ปวงชนชาวไทย ตลอดจนถึงชาวต่างประเทศทั่วโลก

โครงการ
พิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้นายเศรษฐา ทวีสิน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

สำหรับรัฐบาล พวกเขาได้ร่วมกันคัดสรรโครงการต่างๆมา 10 โครงการด้วยกันเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ดังนี้ 

โครงการที่ 1 : ยกระดับสวนสาธารณะมหานคร และ Pocket Park 72 แห่ง

เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว อันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติในแบบครบวงจร ให้แก่ประชาชนชาวกรุงเทพฯ และ ปริมณฑล โดยจะพัฒนาสวนสาธารณะใหญ่ 2 แห่ง คือ สวนหลวง ร.9 ซึ่งมีพื้นรวมราว 500 ไร่ และ สวนสาธารณะบึงหนองบอนให้เป็นสวนสาธารณะระดับมหานครที่มีพื้นที่รวมกันกว่า 1,144 ไร่ 

สวนสาธารณะแห่งนี้ จะเปิดโล่งแบบ outdoor public space หรือ Pocket Parks ให้เป็นสถานที่สำหรับเล่นกีฬา ออกกำลังกาย และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ พร้อม การปรับปรุง สวนสาธารณะต่างๆอีก 72 แห่ง ในเขตกรุงเทพฯ เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงพื้นที่พักผ่อนใกล้บ้านได้ด้วย

โครงการที่ 2 : ปลูกป่า 72 ล้านต้น พลิกฟื้นผืนป่า

โครงการนี้ เป็นโครงการที่จะรวมพลังจิตอาสาทุกภาคส่วน ร่วมกันปลูกป่า และบำรุงรักษาต้นไม้ เพื่อคืนธรรมชาติให้มีความอุดมสมบูรณ์ และคืนอากาศสะอาดให้แก่ประชาชน ขณะเดียวกันก็เพื่อฟื้นฟู และรักษาสภาพป่าต้นน้ำ รวมถึงระบบนิเวศให้แก่ผืนป่าทั่วประเทศด้วย 

โดยรัฐบาลตั้งเป้าหมายจะปลูกป่าทั่วประเทศทั้งสิ้น 72 ล้านต้น ภายใต้การดูแลของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ที่จะทำหน้าที่เป็นหน่วยงานหลักในการรับลงทะเบียน จัดหาพันธุ์กล้าไม้ และ รวบรวมข้อมูลการปลูกต้นไม้ของทุกหน่วยงาน องค์กร หรือ กลุ่มบุคคล เพื่อใช้ในการนี้

โครงการที่ 3 : ขุดแหล่งน้ำบาดาลขนาดใหญ่ แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องจากพระราชดำริ 72 แห่ง

โครงการนี้เป็นการขยายผลต่อยอดจากโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ประสบปัญหาภัยแล้งทั่วประเทศ ให้มีน้ำเพียงพอต่อการอุปโภค-บริ โภค ได้ตลอดทั้งปี 

จากเดิมที่ทรงรับไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน 47 โครงการ ครอบคลุมพื้นที่ 25 จังหวัด รัฐบาลจะขยายขอบเขตการดำเนินโครงการเพิ่มเติม อีกจำนวน 25 แห่ง รวมเป็น 72 แห่ง เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ภัยแล้งทั่วประเทศ 

โครงการที่ 4 : “10 คลองสวย น้ำใส คนไทยมีสุข”

พัฒนาแม่น้ำ ลำคลองที่เสื่อมโทรมไปตามกาลเวลาให้ดียิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็พัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนตลอดสองฝั่งคลองให้ดีขึ้นตามไปด้วย โดยให้กรุงเทพฯเป็นพื้นที่นำร่อง และ จังหวัดอื่นๆ รวม 10 แห่ง เพื่อเป็นการสืบสาน 

และขยายผลต่อยอดพระบรมราโชบายในการพัฒนาแม่น้ำ ลำคลอง และแหล่งน้ำต่างๆ

เพื่อสร้างความเจริญก้าวหน้าให้แก่บ้านเมือง เช่น การพัฒนาคลองเปรมประชากร โดยมอบให้กระทรวงมหาดไทย จัดทำโครงการพัฒนาแม่น้ำ คูคลองทั่วประ เทศ  และเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้เข้ามาร่วมกันดำเนินการ 

เริ่มตั้งแต่ขุดลอกคูคลอง ปรับภูมิทัศน์ และทัศนียภาพ รวมถึงจัดระเบียบที่อยู่อาศัยใหม่ รักษาความสะอาดของทางเดิน ถนน กำจัดขยะ พัฒนาระบบสาธารณูปโภค เพิ่มพื้นที่สีเขียว และระบบการระบายน้ำที่ดีกว่า เป็นต้น

โครงการที่ 5 : พัฒนา 72 สายน้ำอย่างยั่งยืน ดำเนินการขุดลอกคลอง และอ่างเก็บน้ำ 72 แห่ง

เนื่องจากน้ำเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำรงชีวิต รัฐบาลจึงเล็งเห็นว่า จำเป็นต้องแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำสำหรับการอุปโภค-บริโภคของประชาชน จึงได้มอบให้กระทรวงเกษตร และสหกรณ์ ขุดลอกคลอง และอ่างเก็บน้ำ จำนวนทั้งสิ้น 72 แห่ง 

เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการเก็บกักน้ำให้สามารถรองรับปริมาณน้ำฝนในช่วงฤดูฝนที่จะมาถึง และสามารถบริหารจัดการน้ำ ตลอดจนถึงแก้ปัญหาภัยแล้งได้อย่างยั่งยืน

โครงการที่ 6 : ยกระดับ รพ.สมเด็จพระยุพราช  รพ.ชุมชนเฉลิมพระเกียรติ รพ.ชัยพัฒน์ และหน่วยบริการปฐมภูมิ 72 แห่ง

โครงการนี้ เป็นการยกระดับการให้บริการทางการแพทย์ และขยายศักยภาพในการรักษาผู้ป่วยเฉพาะทางที่มีความซ้ำซ้อน ลดการส่งต่อผู้ป่วย ลดความแออัด และระยะเวลาการรอคอยเพื่อเข้ารับบริการด้านสาธารณสุขของประชาชน โดยจะดำเนินการทั้งสิ้น 72 แห่ง แบ่งเป็น

  1. ยกระดับคุณภาพการบริการของโรงพยาบาล 36 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชฯ 21 แห่ง โรงพยาบาลชุมชนเฉลิมพระเกียรติ 11 แห่ง โรงพยาบาลชัยพัฒน์ 4 แห่ง 
  2. ยกระดับการเข้าถึงบริการของประชาชนด้วยการสร้างอาคารศูนย์สุขภาพชุมชนอีก 36 แห่งทั่วประเทศ

โครงการที่ 7 : พัฒนาคุณภาพชีวิต ที่ดินทำกิน และที่อยู่อาศัย

กระทรวงกลาโหมได้เสนอให้ดำเนินการใน 2 กิจกรรมได้แก่ การจัดหาที่ดินที่เป็นของเหล่าทัพทั่วประเทศ 72,000 ไร่ เพื่อจัดสรรให้แก่ประชาชนได้ใช้ประโยชน์เป็นที่ดินทำกิน หรือที่อยู่อาศัย รวมถึงได้รับเอกสารสิทธิ์ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วย

นอกจากนี้ ยังให้มีการดำเนินการซ่อมแซมปรับปรุงบ้านพักอาศัยสำหรับคนพิการ หรือ ทุพพลภาพ 720 หลัง และ ผู้ด้อยโอกาส 720 หลัง เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ช่วยเหลือ และให้โอกาสแก่ประชาชนในการที่จะได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานด้วยเช่นกัน

โครงการที่ 8 : บริจาคโลหิต 10,000,000 CC 

รัฐบาลจะรวมพลังจิตอาสาทั่วประเทศจากทุกภาคส่วน ร่วมกันบริจาคโลหิต 10 ล้าน CC เพื่อมอบให้แก่สภากาชาดไทยสำหรับใช้เป็นโลหิตสำรองให้แก่ผู้ป่วยในโรงพยาบาลต่างๆ ทั่วประเทศ

เพื่อเปิดโอกาสให้ภาครัฐ ภาคเอกชน และ ภาคประชาชนได้มีส่วนร่วมในการแสดงความจงรักภักดี และทำประโยชน์ด้วยการช่วยเหลือต่อชีวิต และลมหายใจให้แก่ผู้อื่นถวายเป็นพระราชกุศล

โครงการที่ 9 : จัดหาอุปกรณ์สำหรับช่วยเหลือคนพิการ 72,000 ชุด

โครงการนี้ เป็นการจัดหาอุปกรณ์เพื่อช่วยเหลือผู้พิการทางการเคลื่อนไหว หรือทางร่างกาย และ ผู้มีแนวโน้มจะเป็นคนพิการที่มีรายได้น้อยซึ่งเข้าไม่ถึงสิทธิ และสวัสดิการ ให้กลับมาใช้ชีวิตประจำวัน และสามารถเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมได้อย่างเท่าเทียม โดยดำรงชีวิตด้วยตนเองได้อย่างอิสระ 

ทั้งนี้กระทรวงพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ จะจัดหากายอุปกรณ์ และเครื่องช่วยความเคลื่อนไหวแก่ผู้พิการจำนวน 72,000 ชุด

โครงการที่ 10 : หลอมรวมใจ มอบน้ำใสสะอาดให้โรงเรียน

รัฐบาลขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันบูรณาการปรับปรุงคุณภาพน้ำประปาในโรงเรียนทุกแห่งทั่วประเทศ พร้อมตรวจสอบ และวิเคราะห์คุณภาพน้ำ ทั้งทางด้านกายภาพ เคมี และ แบคทีเรีย ตามวิธีการมาตรฐานที่ได้รับการรับรองเพื่อให้เหมาะกับการอุปโภคบริโภคต่อไป

ทั้งนี้ก็เพื่อให้เด็กนักเรียนซึ่งจะเป็นเยาวชนของชาติในอนาคต ได้มีน้ำสะอาดเพื่อการอุปโภคบริโภคอันเป็นการส่งเสริมสุขภาวะที่ดีในระยะยาว โดยรัฐบาลมอบให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการ

นายกฯเศรษฐา บอกด้วยว่า เขาจะลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานทั้ง 10 โครงการนี้ด้วยตนเอง เริ่มตั้งแต่รายการ “ทัวร์นกขมิ้น” ที่ออกเดินทางตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค.นี้ เป็นต้นไป 

ท่านนายกฯของเรา จึงขอเชิญชวนพ่อแม่พี่น้อง และพี่ป้าน้าอา ร่วมกันแสดงพลังแห่งความจงรักภักดีนี้ ด้วยการช่วยกันสนับสนุนให้โครงการเฉลิมพระเกียรติของรัฐบาล สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

เพื่อให้ประชาชนคนไทยมีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดี ถวายเป็นพระราชกุศล

แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของพวกเราปวงชนชาวไทย

ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ

คุณย่าขาซิ่ง

รัฐบาลไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สถาบันสูงค่าเกินกว่าจะสูญเสีย-ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ