“พิชัย” ปากแจ๋ว สวมบทรมว.คลัง ฉะ “ดร.นก” เรียนจบจากไหนไม่ดัน “จีดีพี”



หลังได้เข้านั่งแป้นแร้นเป็นรมว.พาณิชย์สมใจอยาก ในรัฐบาลนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร

วันแรกพิชัย นริพทะพันธุ์ก็ถลาเข้าไปจับไมค์ เปิดปฏิบัติการ ปะฉะดะดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าฯแบงก์ชาติ ทันทีว่า ไม่รู้ไปเรียนหนังสือมาจากไหน ถึงได้พูดว่าอย่าไปไล่ล่า GDP

คำพูดนี้ มีผลทำให้บรรดาผู้ที่เรียนจบปริญญาเอกสาขาเศรษฐศาสตร์ การเงิน การคลัง ทั้งหลายออกมาถามแทนผู้ว่าฯแบงก์ชาติ กันเป็นแถวว่า…แล้วลื้อล่ะ เรียนจบมาจากไหน?

พิชัย ยังแสดงความเห็นซ้ำๆ เพื่อเอาใจรัฐบาลพรรคเพื่อไทยแบบผิดฝาผิดฝั่งอีกว่า ให้ปรับลดดอกเบี้ยเท่าไหร่ แบงก์ชาติก็ได้แต่อ้างโน่นนี่นั่น จนแล้วจนรอดได้ข้อสรุปว่า ไม่ลดดอกเบี้ย หนำซ้ำเงินบาทยังแข็งโป๊ก เกือบจะแตะ 32 บาทต่อดอลล่าร์สรอ.ด้วย!

แข็งโป๊กเหมือนหัวใครไม่รู้ รู้แต่ว่า 1.ไม่ใช่หน้าที่ พิชัย จะพูดเรื่องนี้ 2.รัฐบาลนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ตั้งบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเชิญ ดร.เศรษฐพุฒิ เข้าร่วมแก้ปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจด้วยแล้ว

3.กระทรวงการคลัง คาดการณ์แล้วว่า เมื่อ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย เฟด ฟันด์ เรท ลงอย่างไรเสีย แบงก์ชาติ ก็ต้องปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงจากระดับปัจจุบันที่ 2.50%

ทีนี้เมื่อ เฟดให้คำตอบในการปรับลดดอกเบี้ยลง 0.50% เมื่อวันที่ 18 ก.ย. ที่ผ่านมา เหลือ 4.75 – 5.00% ปัญหาที่จะต้องมาถกเถียงกันระหว่างนี้ น่าจะงดไปก่อน และรอจนกว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของแบงก์ชาติ จะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง

โดยเฉพาะเมื่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดค่อนข้างรุนแรง จนจัดได้ว่า นี่เป็นการส่งสัญญาณว่า จากนี้ไป อัตราดอกเบี้ยโลกจะเป็น “ขาลง” แล้ว

ถ้าเป็นไปตามที่เฟดแถลงว่า เขาควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้แล้ว หลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาสิริรวม 11 ครั้ง ขณะเดียวกัน อัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้น 4.4% จากเดิม 4.0% น่าจะทำให้ผู้ประกอบการในสหรัฐฯ มีสภาพคล่องพอจะช่วยให้ตัวเลขการว่างงานปรับตัวดีขึ้นได้

การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็น่าจะอยู่ที่ 2.0% ในปีนี้ หรือโตเกินกว่าที่คาดการณ์กันไว้ เฟด ยังมั่นใจด้วยว่า GDP ของสหรัฐฯ จะขยายตัวในระดับนี้ไปอีก 3 ปีข้างหน้า เมื่อเฟดตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างต่อเนื่องตลอดช่วง 3 ปีติดต่อกัน ภายใต้แผนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเป็นระยะๆ

จนอัตราดอกเบี้ยของเฟ ดกลับไปอยู่ในระดับเดียวกับประเทศอื่นๆ คือ 2.25 – 2. 50% เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เติบโตดี เศรษฐกิจโลกก็ย่อมจะเติบโตดีตามไปด้วย

ถึงตอนนี้ ความระหองระแหงที่เคยมีมาระหว่าง รัฐบาล กับแบงก์ชาติ ก็น่าจะปรับความเข้าใจกันได้ในระดับหนึ่ง แม้เดือน ต.ค.หน้านี้ จะมีชื่อกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรมว.คลังและ ที่ปรึกษา อดีตนายกฯ เศรษฐา ทวีสินเข้าไปเป็น ประธานบอร์ดแบงก์ชาติก็ตาม

กลับไปที่เหตุผลของคำว่า“อย่าไล่ล่า GDP” …เท่าที่เคยได้ฟังคำแถลงของ ดร. เศรษฐพุฒิ กับนักข่าวที่ว่า กระตุ้นให้ตาย เศรษฐกิจไทยก็โตไม่ได้ 4 – 5% เต็มที่ได้แค่ 3% บวกลบ

นั่นเพราะศักยภาพเศรษฐกิจไทยมีเท่านี้ ถ้าอยากให้โตกว่านี้ ต้องปรับโครงสร้างการผลิตให้มีเทคโนโลยีที่สู้กับคู่แข่งในตลาดโลกได้ ต้องสร้างทักษะใหม่ๆ ให้แก่แรงงานไทย ต้องแก้ไขโครงสร้างประชากรที่สูงวัยขึ้น แต่คนทำงานเหลือน้อยลง สำคัญคือ ต้องแก้ไขหนี้ครัวเรือนที่มีเกษตรกรเป็นลูกหนี้หลักให้ได้

เคยบอกไปแล้วว่า เรื่องของศักยภาพการแข่งขันของประเทศ เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องร่วมกันหาทางแก้ไข จึงต้องลดอคติหรือ อัตตาตัวกูลง เลิกถกเถียงกันไปมา และลงมือแก้ปัญหากันจริงๆ จังๆ ดีกว่าจะปล่อยให้มันอยู่แต่ในกระดาษพิมพ์เขียวไปเรื่อยๆ

สำหรับประวัติการศึกษาของดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิหรือ “ดร.นก” น่ะ ย่า ไปดูอากู๋มาให้ ก็พบว่า เขาติดตามบิดาซึ่งเป็นทูตไปในหลายประเทศ ตั้งแต่อายุ 2 ขวบ จบมัธยมปลายที่ฝรั่งเศส ปริญญาตรีเกียรตินิยมที่ Swrthmore College สหรัฐฯ ปริญญาโท และ เอก ด้านเศรษฐศาสตร์จาก Yale University สหรัฐฯ

เป็นนักวิเคราะห์ให้ McKinsey ที่ นิวยอร์ค และ ทำงานเป็น Senior Econo mist ให้ World Bank ที่ วอชิงตันก่อนจะถูกเรียกตัวกลับมาช่วยธารินทร์ นิม มานเหมินท์ อดีต รมว.คลังในสมัยต้มยำกุ้ง ปี 2540

ส่วนพิชัย นริพทะพันธุ์ “แดง”จบปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ ปริญญาโทบัญชี ที่ศศินทร์ มีลูกชายชื่อพชรหรือปาล์มที่ส่งไปเป็นเลขาฯ“หมอไห่” นพ. สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ประธานบอร์ด กสทช.

พิชัย เป็นอดีต รมว.พลังงาน ของพรรคเพื่อไทย แต่แปลกที่เขาเคยไปร่วมรับฟังนโยบายด้านพลังงาน ที่บ้านของประธานพรรคชาติพัฒนากล้า ในช่วงที่ ทักษิณ ชินวัตร ยังลี้ภัยการเมืองอยู่ดูไบ

หลัง“ดร.โกร่ง” วีรพงษ์ รามางกูรนักเศรษฐศาสตร์แถวหน้าของประเทศไทย ถึงแก่กรรมลง พิชัย เสนอตัวขอเขียนคอลัมน์“คนเดินตรอก”แทน ดร.โกร่ง ทันทีในฐานะลูกศิษย์ แต่ก็ถูกสำนักพิมพ์ปฏิเสธ

ใครนิยามไว้นะว่า มนุษย์เท่ากัน เท่าที่เห็นอยู่นี่ มันไม่เท่ากันสักนิด ระหว่างนักการเมืองผู้มากความ กับเทคโนแครตผู้ถ่อมตน!!

คุณย่าขาซิ่ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : คุณย่าขาซิ่งภูมิใจเสนอ ปฐมบท : บุญคุณ-ความแค้น “ทักษิณ-เฉลิม”