“แสนสิริ ผ่อนให้ 24 เดือน” ดันยอดขายพุ่ง 4,200 ล้านบาทในสามสัปดาห์

  • ปรับเป้ายอดขายไตรมาสสอง12,000ล้านบาท
  • ปิดการขายอีก2โครงการดีคอนโดแคมปัสโดมรังสิตเดอะเบสเพชรเกษม

นายอุทัยอุทัยแสงสุขประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการบริษัทแสนสิริจำกัด(มหาชน)หรือSIRIเปิดเผยว่าแสนสิริประสบความสำเร็จในการสร้างยอดขายจากแคมเปญแสนสิริผ่อนให้24เดือนลูกค้าตอบรับแรงจากการที่เมื่อจองซื้อที่อยู่อาศัยแล้วไม่ต้องมีภาระใดๆไปถึง24เดือนนำเงินไปใช้จ่ายอย่างอื่นได้ตัดกังวลใจจากทั้งภาวะเศรษฐกิจหรือการงานมีเวลาเตรียมตัวสบายๆยาวไปถึง2ปีส่งผลให้แคมเปญได้รับการตอบรับที่ดีและมียอดขายพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องโดยสามารถสร้างยอดขายในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้อีกกว่า1,700ล้านบาท รวมกับยอดขายที่ทำได้แล้ว2,500ล้านบาทส่งผลให้ล่าสุดบริษัทมียอดขายในไตรมาส2รวมแล้วถึง4,200ล้านบาทภายในช่วงระยะเวลาเพียง3สัปดาห์ของเดือนเม.ย.

นอกจากนี้ปัจจัยสนับสนุน นอกเหนือจากแคมเปญที่ตอบโจทย์ ยังมาจากกลยุทธ์ความแข็งแกร่ง ในการมุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัยที่เข้าใจความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า ทั้งในด้านคุณภาพ ดีไซน์ รวมถึงการบริการหรือ Sansiri Service ในการมอบบริการที่ดีที่สุดทั้งก่อนและหลังการขาย รวมไปถึง LIV-24 ที่ดูแลความปลอดภัยส่งตรงจากศูนย์ควบคุมแบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมงมาตรฐานแสนสิริ พร้อมเจ้าหน้าที่พร้อมดูแลทุกจุดในโครงการ พร้อมพริวิเล็จมากมายจากแสนสิริ แฟมิลี่ ซึ่งเมื่อรวมกับการส่งมอบแคมเปญที่เข้าใจใน Customer Insight จากสถานการณ์อสังหาฯที่กลุ่มลูกค้ายังคงมีความต้องการที่อยู่อาศัยต่อเนื่อง ขณะที่มีการตัดสินใจที่มากขึ้น จากสถานการณ์ โควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต บริษัทจึงได้มอบแคมเปญที่สามารถตอบรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด ส่งผลให้ได้รับการตอบรับที่ดีและประสบความสำเร็จด้านยอดขายตั้งแต่เริ่มต้นไตรมาส 2  

ทั้งนี้จากความสำเร็จของแคมเปญ ยังส่งผลให้ ปิดการขายเพิ่มเติมอีก 2 คอนโดมิเนียม ต่อจากการปิดการขายโครงการไทเกอร์ เลน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้แก่ โครงการ ดีคอนโด แคมปัส โดม รังสิต มูลค่าโครงการ 910 ล้านบาท และ เดอะ เบส เพชรเกษม มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท โดยโครงการดีคอนโด แคมปัส โดม รังสิต ราคาเฉลี่ย 65,000 บาทต่อตารางเมตรมีสัดส่วนกลุ่มลูกค้าจากการปิดการขาย ทั้งซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและลงทุน ในสัดส่วน50 : 50% มีอัตราผลตอบแทนต่อการปล่อยเช่า หรือ Yield สูงถึงเกือบ 6% และ เดอะ เบส เพชรเกษม ราคาเฉลี่ย100,000 บาทต่อตารางเมตร มีสัดส่วนกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและลงทุน ในสัดส่วน 60 : 40 %และมีอัตราผลตอบแทนต่อการปล่อยเช่า หรือ Yield ถึง 4.5 – 5.5% นอกจากนี้บริษัทยังประสบความสำเร็จครอบคลุมโปรดักส์ในทุกเซกเมนต์

รวมถึงทั้งในแนวสูงและแนวราบ โดยจ่อคิวปิดการขายอีก 6 โครงการคอนโดมิเนียมที่ได้รับการตอบรับที่ดี ได้แก่ดีคอนโด กำแพงแสน มียอดขายแล้ว 98% คาดปิดการขายได้ภายในสัปดาห์หน้า,ดีคอนโด หาดใหญ่ มียอดขายแล้วถึง 80%, ลา กาซิตา หัวหิน มียอดขายดี 85%, เดอะ เบส สุขุมวิท 50 ยอดขาย 80%, เดอะ ไลน์ พหลฯ – ประดิพัทธ์ยอดขาย 85% และเดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101 มียอดขายแล้ว 80% ในขณะที่ยอดขายโครงการแนวราบ บ้านเดี่ยว – ทาวน์โฮม สูงขึ้นต่อเนื่องในทุกสัปดาห์ และคิดเป็นสัดส่วนถึง 90% จากยอดขายรวม 4,200 ล้านบาทที่ทำได้ในไตรมาส 2

จากความสำเร็จด้านยอดขายอย่างรวดเร็ว บริษัทจึงได้พิจารณาปรับเป้าหมายยอดขายไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นอีกครั้งเป็น12,000 ล้านบาทและเชื่อมั่นว่าจะสามารถก้าวผ่านทุกสถานการณ์ด้วยความแข็งแกร่งได้อย่างแน่นอน” นายอุทัยกล่าว