“เพื่อไทย” ค้าน “กัญชาเสรี” หวั่นเยาวชนใช้ปาร์ตี้

  • ผู้ปลูกส่วนใหญ่ ไม่ได้มาตราการ
  • ใช้ทางการแพทย์ไม่ได้

วันที่ 30 ต.ค.ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายมีความกังวลเรื่องการ “ปลดล็อกกัญชา” หลังจากมีการแก้ไขกฎหมายพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2562 (ฉบับที่ 7) ว่า การปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติดให้โทษ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2565 ทำให้ไทยกลายเป็นเพียงไม่กี่ประเทศในโลกที่แก้ไขกฎหมายให้กัญชาออกจากบัญชีสารเสพติด และใช้ในทางการแพทย์ได้ การปลดล็อกกัญชาโดยไร้กฎหมายควบคุมและขาดความรอบคอบได้ส่งผลเสียหายต่อสังคม ที่ผ่านมาแพทย์ทั่วประเทศ เครือข่ายนักวิชาการและภาคประชาชน ได้เรียกร้องให้ปิดสภาวะ “กัญชาเสรี” หากยังไม่มีกฎหมายควบคุม

อีกทั้ง กัญชาที่ประชาชนปลูกมากกว่า มากกว่า 90 -95% คุณภาพของผลผลิตที่ได้ไม่สามารถนำไปใช้ทางการแพทย์ได้ เนื่องจากขาดองค์ความรู้ ทำให้เกิดคำถามว่า กัญชาที่ขายไม่ได้ในทางการแพทย์ และอยู่ในภาวะล้นตลาดผลผลิตเหล่านี้หายไปไหน หรือเอาไปขายที่ไหน ถ้าไม่มีการควบคุมผลผลิตจำนวนมากจะไหลเข้าสู่ตลาดของการเสพกัญชาเสรี

“กัญชา” เป็น “ยาเสพติด” ที่ผ่านมามีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และทางการแพทย์มากมาย ระบุว่า กัญชาได้ส่งผลกระทบต่อร่างกายและการเจริญเติบโตของสมองเด็กและวัยรุ่นอย่างมากทั้งในฐานะผู้สูบด้วยตนเองหรือรับสารทางอ้อมจากคนในครอบครัว โดยข้อมูลวงเสวนาของศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด (ศศก.) พบว่า ในระยะเวลาที่รัฐบาลเปิดให้อยู่ในสถานะกัญชาเสรี มี เยาวชนผู้อายุต่ำกว่า 20 ปี สูบกัญชามากขึ้น 2 เท่า เนื่องมาจากการเข้าถึงที่ง่ายขึ้นเพราะกัญชาหาง่ายขึ้น ผู้ป่วยที่เข้ารับการบำบัดทางจิตจากกัญชาสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากปี 2564 อยู่ที่ 14% ส่วนปี 2565 เกือบ 17%
          
ปัญหาใหญ่ คือ ถึงแม้ว่ามีพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา กัญชง (ฉบับที่…)พ.ศ… ในอนาคต แต่ช่องว่างการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการ การสูบกัญชาในบ้านอันเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล รัฐบาลจะทำอย่างไร เพราะวันนี้กัญชาไม่ใช่สารเสพติดอีกต่อไปแล้ว การสูบเพื่อความบันเทิงกำลังเป็นจุดเริ่มต้นของการเสพติดหรือไม่ โดยเฉพาะในเด็กและเยาวชนและอาจนำพาไปสู่ยาเสพติดประเภทอื่นๆในอนาคต จะปราบยาเสพติดได้อย่างไรถ้าจุดเริ่มต้น เริ่มที่ “กัญชา”
          
ดังนั้นการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกัญชาต้องครอบคลุม เกิดประโยชน์ทางการแพทย์อย่างแท้จริง ฝ่ายที่สนับสนุนกัญชาเสรีต้องชี้ให้เห็นว่ากัญชามีประโยชน์มากกว่ามีโทษ เรียกร้องฝ่ายนิติบัญญัติ ส.ส. และ พรรคการเมืองพิจารณาอย่างรอบคอบ