ครม. เก้าอี้ดนตรี ปรับ ครั้งนี้เพื่อชาติ หรือ เพื่อใคร?

ปรับ ครม. ปรับครม. รัฐบาลเศรษฐา เศรษฐา ทักษิณ
บรรยากาศสมัยรัฐบาลเศรษฐา 1

ที่ถกเถียงกันว่า การ ปรับ ครม. รอบนี้ จะเรียกว่า รัฐบาลเศรษฐา อะไรดี  หยุดแล้วฟังทางนี้ ศาสดาด้านกฎหมาย “วิษณุ เครืองาม” อดีตเลขาธิการ ครม. 12 คณะ ฝากบอกว่า ปรับ ครม. ครั้งนี้ ให้ใช้เป็น “ รัฐบาลเศรษฐา 1/1 ” ไม่ใช่ รัฐบาลเศรษฐา 2

ภายหลังราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้รัฐมนตรีพ้นความเป็นรัฐมนตรี และแต่งตั้งรัฐมนตรี ปรากฎว่าเกิดอาฟเตอร์ช็อก จะเรียกว่าเป็นการหักหน้า “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ก็ได้ จากเหตุ “ปานปรีย์ พหิทธานุกร” ทำหนังสือลาออกจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

เจ้าตัวเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา มาจากถูกริบเก้าอี้รองนายกฯ ใครจะว่าไม่สำคัญก็แล้วแต่ แต่สำหรับ ดร.ตั๊ก-ปานปรีย์ ตำแหน่งรมว.ต่างประเทศ ต้องควบคู่ไปกับรองนายกฯ

เพราะเห็นว่า “เวลาเดินทางไปปฏิบัติราชการหรือเจรจาใดๆในต่างประเทศ จะได้มีเกียรติและสามารถดำเนินการได้ราบรื่นมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาไทยก็มีผู้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีที่พ่วงกับรมว.ต่างประเทศ

ถือเป็นปรากฎการณ์การเมืองที่เห็นไม่บ่อยนัก ลาออก แบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน ที่สำคัญยังได้รับคำสรรเสริญจากฝ่ายค้าน!!! ขนาดพรรคก้าวไกลคู่แข่งทางการเมืองของเพื่อไทยยังออกปากชม ส่วนข้าราชการบัวแก้วยังบ่นอุบ เสียดายผู้บริหารคนนี้ ที่เพียบพร้อมทั้งความรู้ ความสามารถ และมารยาทการวางตัว

ปรับ ครม. “เด็กก้นกุฏิบ้านจันทร์ส่องหล้า” ผงาดคุมบัวแก้ว

เมื่อเก้าอี้ “รมว.ต่างประเทศ” ว่างลง นายกฯย่อมต้องหาคนใหม่มาทดแทนโดยเร็วที่สุด เพื่อจะได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ และอีกประการหนึ่ง นายกฯจะได้นำครม.ใหม่ เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ โดยพร้อมเพรียงกัน

เมื่อวันที่ 29 เม.ย. “เศรษฐา” เปิดเผยเรื่องการแต่งตั้งรมว.การต่างประเทศคนใหม่ ว่า มองไว้ตั้งแต่คืนวันที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา แต่ยังไม่บอกชื่อ เพราะต้องผ่านคณะกรรมการคัดกรองและอะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับเรื่องคุณสมบัติ

อย่างไรก็ตาม ข่าวล่าสุด หวยมาออกที่ ตัวเต็ง มาริษ เสงี่ยมพงษ์ หรือ อดีตทูตปู อดีตที่ปรึกษา รมว.ต่างประเทศ (นายปานปรีย์ พหิทธานุกร) จะมารับตำแหน่งรมว.ต่างประเทศ แทน

ประวัติของ ว่าที่เจ้ากระทรวงบัวแก้ว ไม่ใช่คนอื่นไกลที่ไหน มีความสนิทสนมแนบแน่นกับ “นายใหญ่แห่งบ้านจันทร์ส่งหล้า” เป็นอย่างดี  ตำแหน่งสุดท้ายในงานราชการ คือ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุง ออตตาวา แคนาดา

ทว่า ปฏิกิริยาของข้าราชการกระทรวงผู้ดีเก่า ก็ไม่ได้ยินดียินร้ายอะไรนักกับ “มาริษ” เมื่อเทียบกับ “ปานปรีย์” เพราะคนนี้วางมาตรฐานไว้สูงพอสมควร   

เก้าอี้ต่างตอบแทน “ชลน่าน”คุมสาธารณสุขนาน 7 เดือน

ข้ามมาส่องกระทรวงแถวนนทบุรีบ้าง “เศรษฐา” จรดปากกาเด้ง “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” พ้นรมว.สาธารณสุข อย่างง่ายดายและเลือดเย็น อดีตที่ “หมอชลน่าน” เสียสละตนเองเป็นหนังหน้าไฟ ช่วงจัดรัฐบาล ยอมตระบัดสัตย์ เสียคำพูด กลืนน้ำลายตัวเอง แล้วหันไปจับมือข้ามขั้วจัดตั้งรัฐบาล จำไม่ได้แล้ว

จบสิ้นแล้ว!! เพราะตอบแทนด้วยการให้นั่งครองเก้าอี้กระทรวงเกรดเอ นานถึง 7 เดือน จึงถึงเวลาต้องผลัดเปลี่ยนให้คนอื่นดูแลบ้าง ที่สำคัญการดำเนินนโยบายต่างๆช่วง “หมอชลน่าน” เป็นรัฐมนตรี โดยเฉพาะประกาศ ยาบ้า 5 เม็ด ให้ถือว่าเป็นผู้เสพ

ท่ามกลางอารมณ์สังคมที่กำลังตึงเครียดกับการแพร่ระบาดของ ยาบ้า และยาเสพติดชนิดต่างๆ แต่รัฐมนตรีที่กำกับดูแลกลับประกาศนโยบายเช่นนี้ จึงช็อกความรู้สึกของประชาชน ไม่ปลื้ม โดนก่นด่า เสียมาถึงรัฐบาล

อีกทั้ง ว่ากันว่าคนรอบตัว “ชลน่าน” เป็นพิษ ด้วยทั้งหมดทั้งมวล จึงรวมเป็นเหตุให้ต้องย้ายห้องทำงาน กลับมาทำหน้าที่สส.น่าน ที่รัฐสภาดังเดิม

บริหาร ครม. แบบ เล่นเก้าอี้ดนตรี ฉบับ “เพื่อไทยสไตล์”

ลำพัง “หมอชลน่าน” คนเดียวไม่เท่าไหร่ แต่ที่เขาจับเข่าเม้าท์กัน คือ เพจเฟสบุ๊ค หมอชลน่านFcไม่มีดราม่า เคลื่อนไหวทวงบุญคุณ ว่า “ชลน่านพลีชีพโดดเดี่ยวโดนกระทืบ ผู้คนหนีเข้าซอกหลืบหลบมุมไหน พอผ่านพ้นผู้คนตะเกียกตะกาย เหยียบย่ำแย่งเป็นใหญ่ไร้ยางอาย”

เรื่องน้อยใจก็เรื่องหนึ่ง แต่ถ้าเป็นคนเก่าคนแก่จะเข้าใจ “เพื่อไทยสไตล์” เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่ยุค “ทักษิณ” ก็มีการปรับครม.ลักษณะแบบนี้ 5-6 เดือนปรับ 1 ครั้ง

ด้านดีก็มีตรงที่เป็นการกระตุ้นให้รัฐมนตรีเร่งสร้างผลงาน แต่อีกด้านมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าต้องสับเปลี่ยนหมุนเวียน เล่นเก้าอี้ดนตรี  สมบัติผลัดกันชม ตอบแทนพวกพ้องที่ทำประโยชน์ให้

รัฐบาลเศรษฐาวันนี้ มีเค้าโครงมาจากรัฐบาลทักษิณ แม้ “เศรษฐา” มีอำนาจหน้าที่นายกฯตามรัฐธรรมนูญ แต่พฤตินัยใครๆก็รู้ไม่ได้มีอำนาจเต็ม เพราะการดำเนินการอะไรที่เป็นเรื่องใหญ่ๆ สุดท้ายรัฐบาลยังต้องอยู่ภายใต้เงาของ “นายใหญ่” บ้านจันทร์ส่องหล้า กดปุ่มอนุมัติเสียก่อน

คน ปรับครม. คือ “เศรษฐา” แต่คนจะเลือกใครมา คือ “ทักษิณ”

เหนือสิ่งอื่นใด ประเด็นอยู่ที่ว่า นายกฯนิด เต็มใจหรือไม่ กับบทบาทในขณะนี้ ที่มีคนเคยเป็น อดีตนายกฯ เป็นผู้กำกับ รัฐบาลอีกชั้นหนึ่ง การตัดสินใจ ความมีอิสระ มีมากน้อยเพียงใด ถึงจะบอกว่า มีอำนาจเต็มในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่มีใครเถียง แต่ปรับครม.หนนี้ คนปรับคือ “เศรษฐา” แต่คนจะเลือกใครมา คือ “ทักษิณ”

สิ่งที่เลวร้ายที่สุด คือ การถูกตีตราว่าเป็น “ หุ่นเชิด” จะดีดหนี รีแบรนด์ดิ้ง เป็นนายกรัฐมนตรี ที่สง่างาม สมภาคภูมิ ไม่อยู่ใต้ร่มเงาของใครได้อย่างไร นั่นคือโจทย์ที่ “เศรษฐา” ต้องคิดหนัก ถ้ายึกยัก อาจถูกผีผลักหลุดเก้าอี้ได้ งานนี้เหมือนอยู่ท่ามกลางเขาควาย เดินทางไหนก็มีสิทธิ์เจ็บตัวทั้งสองทาง

สรุป สำหรับโฉมหน้า รัฐบาลเศรษฐา 1/1 ก็มีทั้งคนผิดหวังสมหวังเป็นธรรมดา แต่จะบริหารประเทศได้บรรเจิดเพียงใด ต้องรอดูหลังจากเข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ เพื่อนับหนึ่งทำงาน

ทั้งนี้ บุคคลที่จะเป็นไฮไลท์ และเป็นสายล่อฟ้าในขณะเดียวกัน คือ “พิชิต ชื่นบาน” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มือกฎหมายสายตรงตระกูลชิน ที่มีประวัติไม่ธรรมดา ได้รับฉายาว่าเป็น “ทนาย ถุงขนม”

กรุบกริบๆ หยิบชิ้นปลามันจนได้ น่าสนใจว่าครั้งนี้มี mission ให้ “นายใหญ่” เรื่องอะไร อย่ากะพริบตา อะไรก็เกิดขึ้นได้ และเคยเกิดขึ้นมาแล้ว เพราะที่นี่คือ “ประเทศไทย” ดินแดนแห่งความหฤหรรษ์ และสุดแสนมหัศจรรย์ทางการเมือง

รัฐบาลไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ครม.เศรษฐา 1/1 ออกแล้วมี 6 รมต.ใหม่ “พิชัย”นั่งควบรองนายกฯ-คลัง