เผยสิงคโปร์ประเทศน่าอยู่ที่สุดในโลก จากป้องกันโควิดได้ดีและเร่งฉีดวัคซีน ส่วนไทยอยู่อันดับที่ 14

บลูมเบิร์กระบุ สิงคโปร์ ประเทศที่น่าอยู่ที่สุดในโลก ตามด้วยนิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย อิสราเอลและไต้หวัน ส่วนไทยรั้งอันดับที่สิบสี่ หลังฉีดวัคซีนต้านโควิดแล้ว

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ได้จัดอันดับประเทศที่น่าพำนักอาศัยมากที่สุดในยุคโควิด-19 หลังจากได้ทำการวัคซีนแล้ว ปรากฏว่าประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 14 ถดถอย 4 อันดับ ขณะที่สิงคโปร์ถูกจัดให้อยู่อันดับหนึ่ง ตามด้วยนิวซีแลนด์เรื่องจากการป้องกันการแพร่ระบาดได้ดีและการเปิดกิจกรรมการเร่งฉีดวัคซีน

ทั้งนี้การจัดอันดับดังกล่าวได้ระบุถึงสิงคโปร์ว่า เนื่องจากสภาพเป็นเกาะขนาดเล็กไม่มีพรมแดน รวมทั้งมาตรการกักกันที่เข้มงวดทำให้ตัวเลขการแพร่ระบาดแทบจะไม่มี ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ออกมาดำเนินกิจกรรมได้ปกติ แม้กระทั่งการจัดคอนเสิร์ต การออกไปล่องเรือสามารถดำเนินการได้ ขณะเดียวกันการเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนซึ่งมีสัดส่วนการฉีดแล้ว 1 ใน 5 

อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนเพียงอย่างเดียวไม่ได้เป็นคำตอบว่าจะเป็นการยุติการแพร่ระบาด เหมือนในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ในประเทศฝรั่งเศสและชิลี ที่มีการฉัดวัคซีนในระดับสูง แต่กลับมีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น สาเหตุมาจากไวรัสได้กลายพันธุ์ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศที่กำลังพัฒนาที่ขาดแคลนวัคซีน และการป้องการแพร่ระบาดล้มเหลว

ในขณะที่วัคซีนถูกแจกจ่ายไปทั่วโลกแล้วจำนวน 1,000 ล้านโดส แต่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการในประเทศที่กำลังพัฒนาเช่นประเทศอินเดียประสบภาวะการติดเชื้อสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ขณะเดียวกันการจัดอันดับ 53 ประเทศ พบว่าประเทศโปแลนด์และบราซิล ลดลงไปอยู่สองอันดับท้ายสุด และเม็กซิโกรั้งท้าย ตั้งแต่การเปิดตัวการจัดอันดับมาในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมากลับขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 48 สาเหตุจากตรวจเชื้อไวรัสได้ปรับปรุงดีขึ้น

สำหรับประเทศสหรัฐ ได้เลื่อน 4 อันดับมาอยู่ที่ 17 เนื่องจากการเร่งฉีดวัคซีน ทำให้ลดอัตรการตายลง แม้ว่าจะมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นจากการลดมาตรการระมัดระวังลง

ส่วนประเทศอังกฤษ เลื่อนขึ้น 7 อันดับมาอยู่ 18 จากการฉีดวัคซีนที่รวดเร็ว การคุมเข้มการเข้าประเทศเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ขณะที่ไวรัสสายพันธุ์ใหม่จากอินเดียได้กดดันให้ลดอันดับลง 10 อันดับไปอยู่ที่อันดับ 30 

สำหรับอิสราเอล หลังจากฉีดวัคซีนในสัดส่วนที่สูงที่สุดในโลกถึง 55%  พบว่าการแพร่ระบาดลดลงอย่างเห็นได้ชัดอยู่นอันดับที่ 4  แต่ผู้เชี่ยวชาญได้เตือนให้ระวังไว้ เพราะอาจะเห็นไวรัสรูปแบบใหม่ๆ ซึ่งจำเป็นต้องมีวัคซีนตัวใหม่เข้ามาต้านอีก

ที่มา- https://www.bloomberg.com/graphics/covid-resilience-ranking/