เซ็นทาราแผนกลยุทธ์ธุรกิจโรงแรมในปีนี้ พร้อมแผนปรับโฉมโรงแรมแฟลกชิป, กลยุทธ์รีแบรนด์โรงแรม และโปรเจกต์ใหญ่ที่เกาะมัลดีฟส์พร้อมเดินหน้าพัฒนาศักยภาพโรงแรมเต็มกำลัง เซ็นทาราเดินหน้าสู่ความสำเร็จ เร่งขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ทั่วโลกมุ่งสู่การเป็น 1 ใน 100 แบรนด์โรงแรมชั้นนำระดับสากล
นายธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายกันย์ ศรีสมพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา ร่วมกันแถลงเผยแผนธุรกิจและกลยุทธ์การเติบโตในปีนี้ว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวจองประเทศไทยในปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยทั้งสิ้น 28 ล้านคน แต่ช่วงไตรมาสที่ 4 เกิดไม่คาดฝันเกิดเหตุยิงที่ห้างแห่งหนึ่ง และสงครามอิสราเอล กระทบช่วงหนึ่งแต่ได้กลับมาแล้ว ถือว่ากลับมาฟื้นดูได้ดีเป็นแนวโน้มที่ดีมากขึ้นเรื่อยๆ
ฟรีวีซ่าดึงนักท่องเที่ยวทะลักแต่พฤติกรรมเปลี่ยน
ในปีนี้ จากตัวเลขที่รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็น 35 ล้านคน ซึ่งตัวที่ผ่านมาเฉลี่ยแล้วเดือนละ 3 ล้านคน หากเป็นตัวเลขนี้ตลอดปีจะทำได้ 36 ล้านคน อย่างไรก็ตามประเทศไทยกำลังจเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่นในไตรมาสที่ 2 และไตรมาส ที่ 3 ซึ่งนักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้ามาลดลง จะต้องมาดูว่าตัลเวขในไตรมาสที่ 4 จะเข้ามามากเท่าไร มองว่าเป้าหมายดังกล่าวน่าจะตึงตัวนิดหนึ่งแต่เชื่อว่ารัฐบาลจะมีมาตรการต่างๆ มาผลักดันกระตุ้นนักท่องเที่ยวซึ่งมีการบ้านที่ต้องทำกัน
ทางด้านมาตรการฟรีวีซ่าของรัฐบาลนับว่าได้ผลดีมากช่วยให้นักท่องที่ยวจีน อินเดียและรัสเซียเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งมาตรการนี้ทำให้เทรนด์ของนักท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลงไป มีการตัดสินใจท่องเที่ยวบ่วงหน้าประมาณ 2 สัปดาห์ ซื้อตั๋วเครื่องบินจองที่พักแล้วเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวทันที ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการจะต้องคาดการณ์และคาดหมายให้กูกต้องเพื่อไม่ให้สูญเสียโอกาสทางธุรกิจ จากเดิมก่อนหน้านักท่องเที่ยวจะทำการวางแผนท่องเที่ยวล่วงหน้านานเพราะต้องใข้เวลาดำเนินการขอวีซ่าก่อน
นายธีระยุทธ กล่าวว่าในปี พ.ศ. 2566 นับเป็นปีแห่งความภาคภูมิใจที่เซ็นทาราเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปี ในไทย และเป็นปีที่ เซ็นทาราประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นกับหลากหลายโปรเจกต์สำคัญ อาทิ การเปิดให้บริการ “เซ็นทารา แกรนด์ โอซาก้า” ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งแรกของเซ็นทาราในญี่ปุ่น ซึ่งในช่วงนี้เป็นเทศกาลดอกซากุระมียอดจองแน่อนถึง 99%
นอกจากนี้การได้รับรางวัลสุดยอดนายจ้างดีเด่นแห่งประเทศไทย ประจำปี 2023 จากงาน Kincentric Best Employers Thailand 2023 และความสำเร็จของ แบรนด์ “เซ็นทารา แกรนด์” ที่คว้าตำแหน่งแบรนด์ที่แข็งแกร่งสุดในไทย จากรายงาน 50 อันดับบริษัทประจำปี 2023 โดยสถาบัน Brand Finance
ในปีที่ผ่านมา เซ็นทาราบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจอย่างแข็งแกร่ง โดยเซ็นทารามีรายได้รวมอยู่ที่ 9,932 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีกำไรก่อนค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย ดอกเบี้ยจ่าย และภาษีเงิน (EBITDA) จำนวน 3,284 ล้านบาท เติบโต 83% เมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งนี้ มีรายได้ต่อห้องพักเฉลี่ยของทั้งหมด (RevPar) เพิ่มขึ้น 19% อยู่ที่ 4,141 บาท ซึ่งสำหรับแนวโน้มธุรกิจในปี 2567 นี้ เซ็นทาราคาดการณ์ว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ย (รวมโรงแรมร่วมทุน) จะอยู่ที่ 70% – 73% และมีรายได้ต่อห้องพักเฉลี่ย (RevPAR) จะอยู่สูงสุดที่ 4,300 บาท
ปีนี้จะเปิดโรงแรมอีก 6 แห่งทั้งในและต่างประเทศ
สำหรับแผนการขยายโรงแรมในปี พ.ศ. 2567 นี้ เซ็นทาราเดินหน้าตอกย้ำความเป็นเครือโรงแรมชั้นนำ ด้วยการเตรียมเปิดให้บริการโรงแรมทั้งในและต่างประเทศเพิ่มทั้งหมด 6 แห่ง โดยแบ่งเป็น 3 แห่งในไทย, 2 แห่งในสปป.ลาว และ 1 แห่งในมัลดีฟส์ ได้แก่ เซ็นทารา ไลฟ์ ละไม รีสอร์ท สมุย, เซ็นทารา วิลลา เกาะพีพี, เซ็นทารา ไลฟ์ สุราษฎร์ธานี, โคซี่ เวียงจันทน์ น้ำพุ, เซ็นทารา พลูมเมอเรีย รีสอร์ท ปากเซ และเซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์
อีกหนึ่งโปรเจ็คสำคัญที่สุดแห่งปี คือ “โรงแรมเซ็นทารา มิราจ ลากูน มัลดีฟส์” ที่มีกำหนดเปิดให้บริการในเดือนพฤศจิกายนปี พ.ศ. 2567 นี้ ถือเป็นโครงการส่วนแรกของเซ็นทาราบนเกาะสวรรค์ในมาเล่ อะทอลล์เหนือ หนึ่งในเกาะในกลุ่มมัลดีฟส์ที่มีความสวยงามอย่างเหนือชั้น โดยจะสามารถเดินทางเข้าถึงได้โดยง่ายด้วยสปีดโบ๊ทเพียง 30 นาที จากท่าอากาศยานนานาชาติเวลานา หรือที่มักเรียกว่า ท่าอากาศยานนานาชาติมาเล่ เซ็นทารา มิราจ ลากูน
มัลดีฟส์นับเป็นโรงแรมภายใต้ธีมมิราจ แห่งที่ 4 ของโลก ต่อจากที่พัทยา มุยเน่ และดูไบ โดยโรงแรมแห่งนี้ เป็นแบรนด์ธีมรีสอร์ทสำหรับครอบครัว ออกแบบมาให้โดดเด่นด้วยคอนเซ็ปต์โลกใต้น้ำ มีสวนน้ำและกิจกรรมทางน้ำอันเป็นเอกลักษณ์ เพื่อให้ตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้ากลุ่มครอบครัว และต่อไปในไตรมาสที่ 1 ของปี พ.ศ. 2568 เซ็นทารามีแผนจะเปิดให้บริการ “โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ ลากูน มัลดีฟส์” รีสอร์ทหรูขนาด 142 ห้องพักเป็นลำดับถัดไป นั่นจะทำให้นักเดินทางที่มาเยี่ยมเยือนเกาะในฝันแห่งนี้สามารถเพลิดเพลินไปกับตัวเลือกที่พัก 2 แบบ 2 สไตล์ในเครือเซ็นทารา เพื่อการพักผ่อนที่น่าประทับใจได้
นอกจากนั้น ยังมีอีกสองโรงแรมแฟลกชิปที่เซ็นทาราตั้งใจจะปรับโฉมครั้งใหญ่ในปีนี้ คือ เซ็นทารา กะรน รีสอร์ท ภูเก็ต (จำนวน 335 ห้องพัก) และเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา (จำนวน 553 ห้องพัก) และสำหรับการรีแบรนด์ เซ็นทาราได้ประกาศรีแบรนด์ “เซ็นทรา บาย เซ็นทารา” ให้เป็น “เซ็นทารา ไลฟ์” ในช่วงปลายปีที่แล้ว และมีแผนจะรีแบรนด์ “เซ็นทารา บูติก คอลเลกชัน” ต่อเนื่องในปีนี้เช่นกัน
โดยเซ็นทารามีแผนจะขยายแบรนด์ในเครือทั้ง 6 แบรนด์ ออกสู่หลากหลายจุดหมายปลายทางทั้งในและต่างประเทศ อาทิ แผนขยายแบรนด์เซ็นทารา รีเซิร์ฟ และโรงแรมในธีมมิราจไปในไทย, มัลดีฟส์, ญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย รวมถึงแผนการเซ็นสัญญาขยายเครือข่ายพันธมิตรในตลาดสำคัญๆ อย่างจีนด้วยเช่นกัน
ตั้งเป้าท็อป 1 ใน 100 แบรนด์ชั้นนำระดับโลก
ปัจจุบันเซ็นทารามีโรงแรมในเครือกว่า 90 แห่งทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเป็นในส่วนที่ลงทุนเองและรับบริหาร โดยขณะนี้มีเจรจารับบริหารโรงแรมเพิ่มเติมอีกหลายแห่งทั้งภายในประเทศและต่างประเทศในเอเชีย ยุโรป และอาฟริกา
“เรารู้สึกภาคภูมิใจกับเส้นทางความสำเร็จในการเดินหน้า เพื่อก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 100 แบรนด์โรงแรมชั้นนำระดับโลกภายใน พ.ศ. 2570 ตามที่เราเคยได้ตั้งเป้าไว้ ซึ่งในปีที่แล้ว เราได้ก้าวจากอันดับที่ 150 มาอยู่ที่อันดับที่ 111 ซึ่งต้องถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่เราสามารถเดินหน้าสู่ความสำเร็จได้ตามแผนและตรงตามกลยุทธ์ที่เราได้ตั้งไว้เร็วกว่าที่คาดการณ์” ธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา กล่าว “ในปี พ.ศ. 2567 นี้ เราพร้อมเดินหน้าในอีกหลายโปรเจกต์สำคัญ เพื่อเติบโตธุรกิจ เซ็นทาราให้แข็งแกร่งในตลาดโลก”
สำหรับการลงทุนในช่วง 3 ปีนับจากนี้ตั้งงบประมาณไว้จำนวน 13,000 ล้านบาทเพื่อใช้ในการรีโนเวตโรงแรมเดิมและสร้างโรงแรมใหม่ตามแผนการที่วางไว้ โดยเฉพาะโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ หัวหิน เพิ่งจะครบรอบ 100 ปีในปีที่ผ่านมา หลังจากได้ทำการต่อสัญญาเช่ากับทางการรถไฟแห่งประเทศไทยเรียบร้อยแล้วมีแผนจะเริ่มดำเนินการรีโนเวตในปีหน้า ตั้งงบประมาณไว้ที่ 1,700- 2,000 ล้านบาท ซี่งเป็นงบที่รวมการสร้างโรงแรมใหม่ขนาด 3 ดาวเพิ่มที่หัวหินอีก 1 แห่ง
