เคาะประกันรายได้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 4

  • ตั้งราคาประกันเท่าเดิมที่ กก.ละ 8.5 บาท
  • พร้อมเห็นชอบมาตรการรักษาเสถียรภาพราคา
  • และยุทธศาสตร์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 65-77

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) ครั้งที่ 3/65 ว่า ที่ประชุมมีข้อสรุป 3 เรื่อง ได้แก่ 1.เห็นชอบโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปีที่ 4 ซึ่งหลักเกณฑ์ทั้งหมดยังคงเหมือนปีที่ 1-3 โดยจะเริ่มประกันรายได้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 65 – 30 เม.ย.66 และประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดที่เริ่มปลูกตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.65-31 พ.ค. 66 สำหรับงวด 1 จะเริ่มจ่ายตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย.65 เป็นต้นไปหากราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ต่ำกว่ากิโลกรัม (กก.) ละ 8.50 บาท ซึ่งเป็นราคาประกัน โดยเตรียมงบประมาณดำเนินการทั้งสิ้น 1,669.8 ล้านบาท มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 452,000 ราย โดยจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบเร็วๆ นี้

พร้อมกันนั้น ที่ประชุมยังเห็นชอบมาตรการคู่ขนานในการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ คือ ชดเชยดอกเบี้ย 3% ให้กับสถาบันเกษตรกรและผู้รวบรวมข้าวโพดที่เก็บข้าวโพดไว้ไม่เร่งขายในช่วงที่ข้าวโพดออกมาก เพื่อป้องกันราคาข้าวโพดตกต่ำ จากนี้จะได้มีการนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไปตามขั้นตอน

ส่วนเรื่องที่ 2 เห็นชอบโครงการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา เพื่อเพิ่มปริมาณข้าวโพดให้มีมากขึ้นตามความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ซึ่งการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนหลายมาตรการ เช่น ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้สินเชื่อเป็นกรณีพิเศษโดยจ่ายดอกเบี้ย 3.5% และรัฐบาลจะช่วยเหลืออีก 3% จากปกติ 6.5% ไร่ละไม่เกิน 4,000 บาท รายละไม่เกิน 15 ไร่หรือไม่เกิน 60,000 บาท 

รวมถึงมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติม เช่น ประกันความเสี่ยงกรณีเกิดภัยพิบัติข้าวโพดหลังนา หรือเกิดโรคพืช ซึ่งกรณีภัยพิบัติได้รับการชดเชยไร่ละ 1,500 บาท, ประกันโรคพืชไร่ละ 750 บาท โดยรัฐบาลเป็นผู้ช่วยจ่ายเบี้ยประกันให้ไร่ละ 172 บาท แทนเกษตรกรทั้ง 100% ซึ่งระยะเวลาการปลูกข้าวโพดหลังนาเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 65 -15 ม.ค. 66 ใช้งบประมาณสนับสนุนทั้งสิ้น 262 ล้านบาท

“แต่ละปีไทยปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ไม่พอ ปลูกได้แค่ปีละ 4.96 ล้านตัน แต่มีความต้องการใช้เฉลี่ยปีละ 7.98 ล้านตันยังขาดอีกเยอะมาก จำเป็นต้องส่งเสริมการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา ปริมาณการผลิต 0.8 ล้านตัน ส่วนที่เหลือจะนำเข้ามาชดเชย”

สำหรับเรื่องที่ 3 ที่ประชุมเห็นชอบยุทธศาสตร์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 65 -67 เป็นเวลา 3 ปี โดยมีเป้าหมายสำคัญ 3 ด้าน คือ 1.เพิ่มผลผลิตต่อไร่ โดยตั้งเป้าหมายผลผลิตต่อไร่ สำหรับข้าวโพดในฤดูปกติจากไร่ละ 800 กก.เป็น ไร่ละ1,104 กก. ส่วนข้าวโพดหลังนา ให้เพิ่มผลผลิตจากไร่ละ 860 กก. เป็นไร่ละ 1,187 กก.ภายใน 3 ปี

2.เพิ่มพื้นที่การปลูกข้าวโพด ในพื้นที่ที่เหมาะสม จากเดิม 801,900 ไร่ เป็น 1,106,622 ไร่ ภายใน 3 ปี และ3.เร่งรัดการปลูกหรือพัฒนาข้าวโพดคุณภาพที่ได้มาตรฐาน GAP โดยต้องปลอดสารอะฟลาทอกซิน หรือเชื้อราที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง, ไม่ให้เผาตอซังข้าวโพด ตามเป้าหมายที่กำหนดใน 3 ปี โดยสั่งการให้ผู้ปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง จะต้องรายงานความคืบหน้าเชิงตัวเลขที่เป็นรูปธรรมให้ที่ประชุมรับทราบและพิจารณาสั่งการต่อไปทุกครั้ง