“อาคม” ดับฝันคนละครึ่งเฟสใหม่แจงเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวแล้วถึงเวลาต้องลดเงินช่วยเหลือ

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน ถือว่ากลับมาฟื้นตัวแล้ว ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น การบริโภค การใช้จ่ายที่กลับมาต่อเนื่อง ดังนั้นวันนี้จึงไม่จำเป็นต้องพึ่งพามาตรการคนละครึ่งอีกต่อไป เนื่องจากไม่มีความจำเป็นแล้ว แต่สิ่งสำคัญที่กระทรวงการคลังเน้นย้ำคือการแก้ไขปัญหาหนี้สินต่าง ๆ ของประชาชนที่ยังต้องเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ส่วนแพ็กเกจมาตรการของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชน ตอนนี้ยังจัดทำไม่เสร็จ ขอให้อดใจรอดูก่อน

“ปัจจุบันการใช้จ่ายของประชาชนเริ่มกลับมาฟื้นตัวแล้ว โดยวัดจากอัตราการใช้จ่ายในช่วงไตรมาส 3 ปี 65 ที่ตัวเลขการจับจ่ายของประชาชนก็ออกมาค่อนข้างดี เพราะฉะนั้นความจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องเข้าไปสนับสนุนในโครงการที่รัฐต้องออกเงินช่วย ก็อาจจะลดน้อยลงไป ส่วนเรื่องของขวัญปีใหม่ 66 ตอนนี้ยังไม่พร้อมเสนอ ยังรวบรวมไม่เสร็จ แต่มีมาตรการออกมาเยอะแน่นอน รอดูได้เลย”

“ส่วนสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปีหน้าเชื่อว่า การที่ทั่วโลกเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ย่อมกระทบกับประเทศ ไทยด้วย แต่โอกาสของไทยมีมากกว่า ดังนั้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยต้องมีแรงส่ง ทั้งการบริโภคในประเทศที่ค่อย ๆ ฟื้นตัวดีขึ้น ต่อมาการส่งออกยังดีต่อเนื่อง แรงส่งต่อมารัฐบาลก็ทำงบขาดดุลอยู่ หลังจากนี้จึงต้องลงทุนมากขึ้น เพื่อตอนเศรษฐกิจฟื้นตัวประเทศไทยจะได้โครงสร้างพื้นฐานที่ดีไว้รองรับ จึงวางแผนการออกบอนด์ หรือตราสารหนี้เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่เป็นโครงการสีเขียว มูลค่าประมาณ 5.5 ล้านล้านบาท ในช่วง 8-10 ปี”

ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การยกเลิกมาตรการคนละครึ่งถือว่าเข้าใจได้ เพราะการออกมาตรการใดก็ตาม ย่อมมีภาระต่อภาคการคลัง ต้องนำเงินภาษีของประชาชนมาอุดหนุน แต่ที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนหลังจากนี้ คือการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ด้วยการลดข้อจำกัดต่าง ๆ ลงไป อาทิ การเปิดให้ต่างชาติสามารถซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศไทยได้ และใช้โอกาสในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ต่อยอดการจัดประชุมเอเปค ที่ผ่านมาให้เกิดประโยชน์สูงสุด