“อธิรัฐ” มั่นใจลงนามแหลมฉบัง เฟส3ได้ในเดือนตุลาคมนี้

  • สั่ง กทท.บูรณาการด้านการขนส่งสินค้าเชื่อมกับระบบราง
  • ต้องการให้ท่าเรือแหลมฉบัง ยกระดับเป็นท่าเรือสมาร์ทพอร์ท
  • ขนถ่ายสินค้าด้วยระบบเทคโนโลยีอัตโนมัติ

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม เปิดเผยระหว่างตรวจเยี่ยมการทำงานของท่าเรือแหลมฉบัง การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) วันนี้ (7 ก.ย.) ว่า ได้รับทราบความคืบหน้าของแผนพัฒนาศักยภาพท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งมีเป้าหมายเพิ่มขีดความสามารถรองรับตู้สินค้าจาก 11 ล้าน ที.อี.ยู ต่อปี เพิ่มเป็น 18 ล้าน ที.อี.ยู ต่อปี ปัจจุบัน กทท.จึงอยู่ระหว่างขั้นตอนประมูลจัดหาเอกชนร่วมลงทุนพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 คาดว่าหากไม่ติดขั้นตอนทางกฎหมาย จากกรณีที่เอกชนยื่นศาลปกครองกลาง คุ้มครองชั่วคราวเพื่อระงับการดำเนินการคัดเลือก คณะกรรมการคัดเลือกฯ ก็จะสามารถเจรจากับเอกชนที่มีคะแนนสูงสุด และลงนามสัญญาร่วมทุนได้ภายในเดือน ต.ค.นี้

อย่างไรก็ดี การลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานของท่าเรือแหลมฉบังครั้งนี้ ตนได้มอบนโยบายให้ กทท.บูรณาการด้านการขนส่งสินค้าเชื่อมกับระบบราง เนื่องจากพบว่าปัจจุบันสัดส่วนการขนส่งสินค้าทางรางมีอยู่เพียง 7% ซึ่งต้องการให้ปรับเพิ่มเป็น 30% จึงขอให้เร่งหารือร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) รวมทั้งยังต้องการให้ท่าเรือแหลมฉบัง ยกระดับเป็นท่าเรือสมาร์ทพอร์ท ขนถ่ายสินค้าด้วยระบบเทคโนโลยีอัตโนมัติ และต้องวางแผนพัฒนาท่าเทียบเรือ A5 เพื่อรองรับการเชื่อมต่อเส้นทางเดินเรือ บางสะพาน จ.ประจวบฯ – ท่าเรือแหลมฉบัง ตามนโยบายที่จะลดปริมาณการจราจรแออัดบริเวณถนนพระราม 2 และกรุงเทพฯ

อธิรัฐ​ รัตนเศรษฐ​ ตรวจเยี่ยมท่าเรือแหลมฉบัง