สภาฯ ลงคะแนนเอกฉันท์ ไม่เห็นชอบตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาป้องกันไม่ให้เกิดการรัฐประหาร

  • “ปิยบุตร” เรียกร้อง ส.ส.ให้ความร่วมมือสนับสนุน
  • เผยญัญติที่เสนอเป็นเรื่องของสภาฯ ที่จะประกาศศักดิ์ศรี ไม่ยอมจำนนต่อรัฐประหาร
  • ระบุไม่ใช่เรื่องของฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล แต่เป็นวาระแห่งชาติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ (20 ก.พ.2563) มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุมพิจารณาญัตติให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดการรัฐประหารขึ้นอีกในอนาคต โดยมีนายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ เป็นผู้เสนอ ซึ่งได้อภิปรายต่อเนื่องกันมาหลายสัปดาห์

นายปิยบุตร อภิปรายสรุปญัตติว่า ขอบคุณสมาชิกที่อภิปรายทั้ง 41 คน ใช้เวลาอภิปรายเกือบ 500 นาที แสดงให้เห็นว่าสภาผู้แทนราษฎรให้ความสำคัญเกี่ยวกับการป้องกันรัฐประหาร พร้อมย้ำว่าการรัฐประหารที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะปี 2549 และปี 2557 ไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้องที่จะขจัดความขัดแย้ง ไม่สามารถฟื้นฟูความชอบธรรม ไม่สามารถสร้างเสรีประชาธิปไตย ได้เพียงนายทหารคณะหนึ่งที่เข้ามามีอำนาจอย่างยาวนาน และสืบทอดอำนาจจนถึงทุกวันนี้ จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ตัดสินใจตั้งพรรคอนาคตใหม่ขึ้นมา เพื่อเป็นฟันเฟืองเล็กๆ ร่วมกันแสวงหาฉันทามติใหม่ให้กับสังคมไทย

นายปิยบุตร กล่าวว่า ถ้าคนไทยยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย และร่วมกันต่อต้านรัฐประหาร การรัฐประหารย่อมไม่มีทางความสำเร็จได้ ดังนั้นญัตติที่เสนอนี้จึงไม่ใช่เรื่องของฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล แต่เป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎร ที่จะประกาศศักดิ์ศรี ไม่ยอมจำนนต่อรัฐประหาร จึงขอความร่วมมือจากสมาชิกให้มองข้ามมติวิปรัฐบาล เพราะญัตตินี้ไม่ได้กระทบกระเทือน กับการทำงานของรัฐบาล การบริหารราชการแผ่นดินเดินหน้าต่อไปได้ หากจะกระทบ ก็คงกระทบต่อความรู้สึกของนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีที่เป็นนายพลจำนวนมาก ซึ่งได้ตำแหน่งจากการยึดอำนาจเข้ามา

“หากสภาฯ กล้าลงมติให้ความเห็นชอบ สภาผู้แทนราษฎรก็จะเป็นผู้แทนราษฎร แต่หากลงมติไม่ให้ความเห็นชอบ สภาผู้แทนราษฎรก็จะกลายเป็นนายทหารใต้บังคับบัญชา ที่ต้องฟังคำสั่งนายพลผู้มีอำนาจ จึงอยากเห็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจับมือร่วมมือกัน เดินหน้าป้องกันไม่ให้การรัฐประหารเกิดขึ้นอีก และสร้างความหวังให้กับประชาชนอย่างแท้จริง” นายปิยบุตร กล่าว

นายปิยบุตร กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าการอภิปรายสรุปญัตติครั้งนี้ จะเป็นการอภิปรายครั้งสุดท้ายในชีวิตหรือไม่ เพราะชีวิตตอนนี้อยู่ในกำมือของศาลรัฐธรรมนูญ จึงหวังว่าการสรุปญัตติครั้งนี้ จะช่วยโน้มน้าวให้เพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรลงมติให้ความเห็นชอบ เพราะญัตตินี้ไม่ใช่วาระของตน หรือพรรคอนาคตใหม่ พรรคฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล แต่เป็นวาระแห่งชาติ ที่สภาผู้แทนราษฎรต้องร่วมมือกันและขอให้ร่วมกันยกมือเห็นชอบ เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ร่วมกัน 

อย่างไรก็ตามหลังการอภิปรายเสร็จสิ้นลง ก็ได้ข้อสรุปว่าสภาผู้แทนราษฎรมีมติไม่เห็นด้วยให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อศึกษาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดการรัฐประหารขึ้นอีกในอนาคต ด้วยคะแนน 242 ต่อ 215 งดออกเสียง 2 เสียง