“ศักดิ์สยาม”ได้ฤกษ์ตัดริบบิ้น!เปิดวิ่งรถเมล์แอร์ไฟฟ้าอีก 2 สาย “2-42 (สาย 44 เดิม)- สาย 3-53”หวังให้ประชาชนเดินทาง อย่างไร้รอยต่อพร้อมขยายเวลาเก็บค่าโดยสาร 10 บาท ถึงสิ้นเดือนมีนา66

“ศักดิ์สยาม” เปิดวิ่งรถเมล์แอร์ไฟฟ้าอีก 2 สาย “2-42 (สาย 44 เดิม) และ สาย 3-53” หวังให้ประชาชนเดินทางอย่างไร้รอยต่อ สนับสนุนภาคการท่องเที่ยว พร้อมผลักดันนโยบายการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนอย่างยั่งยืน พร้อมขยายเวลาเก็บค่าโดยสาร 10 บาท สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มอีก 3 เดือน จนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 66

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีทดลองเปิดให้บริการรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า สาย 44 (2-42) เคหะคลองจั่น – ท่าเตียน และ สาย 3-53 สถานีรถไฟฟ้าหัวหมาก – เสาชิงช้า เชื่อมโยงทุกการเดินทางอย่างไร้รอยต่อว่า จากนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพรถโดยสารสาธารณะในการให้บริการประชาชน โดยเฉพาะในคณะรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการติดตามให้มีการใช้รถเมล์ไฟฟ้า EVซึ่งทางกระทรวงคมนาคม ได้ดำเนินการตามนโยบาย โดยได้มีการว่าจ้างเหมาบริการรถโดยสารปรับอากาศที่ใช้พลังงานสะอาด (รถไฟฟ้า) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเดินรถและลดมลภาวะเป็นพิษในเขตเมือง เพื่อให้บริการประชาชนให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งในครั้งนี้ได้มาเปิดวิ่งรถเมล์แอร์ไฟฟ้าอีก 2 สายคือ สาย 2-42 (สาย 44 เดิม) เส้นทางเคหะคลองจั่น-ท่าเตียน และ สาย 3-53 เส้นทาง สถานีรถไฟฟ้าหัวหมาก-เสาชิงช้า

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้กระทรวงคมนาคม ได้มีการเปิดให้บริการรถโดยสารประจำทางด้วยพลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle หรือ รถ EV) สาย 8 เส้นทางแฮปปี้แลนด์ – ท่าเรือสะพานพุทธ พบว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชน โดยจากสถิติการเดินทางถึงปัจจุบันพบว่า มีผู้นิยมใช้บริการที่ค่าเฉลี่ยมากกว่า 7,000 คนต่อวัน และเมื่อวันที่ 29 กันยายน 65 ได้เปิดให้บริการรถโดยสาร EV สาย 17 พระประแดง – อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และสาย 82 ท่าน้ำพระประแดง – บางลำพู ซึ่งทั้งสาย 17 และ 82 ต่างก็มีจุดต่อเชื่อมไปยังระบบสาธารณะอื่น ๆ อันจะทำให้ภาพของโครงข่ายการขนส่ง รถ – เรือ – ราง ที่ถือเป็นนโยบายอันสำคัญยิ่งของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคมสมบูรณ์มากขึ้น 

ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้มองภาพที่ไกลไปกว่าเฉพาะการขนส่ง การต่อเชื่อมระหว่างการขนส่งรูปแบบต่าง ๆ แต่มองไปถึงแนวทางในการดำเนินงานด้านการขนส่งที่จะช่วยส่งเสริมการทำงานส่วนอื่น ๆ ของประเทศได้ รวมถึงภาคการท่องเที่ยวอันถือได้ว่าเป็นอุตสาหกรรมหลักของไทย ซึ่งล่าสุดกรุงเทพมหานครได้ถูกจัดอันดับโดยมาสเตอร์การ์ดให้เป็นเมืองที่มีชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวมากที่สุดในโลกถึง 22 ล้านคน ในปี 65 

สำหรับเส้นทางรถโดยสารสาย 3-53 เส้นทาง  สถานีรถไฟฟ้าหัวหมาก-เสาชิงช้า  ถือเป็นเส้นทาง   ที่ผ่านจุดสำคัญ ทั้งในด้านสังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับของชาวต่างชาติที่เป็นแขกของประเทศ ดังนั้นการให้บริการทั้งหมดจะต้องตั้งอยู่บนหลักการที่กระทรวงคมนาคมมอบนโยบายไว้ ได้แก่ เน้นความสะดวก ความสบาย   ,ความสะอาด  ที่สำคัญคือ ความประหยัด  ซึ่ง บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัดที่ให้บริการรถเมล์ไฟฟ้า ได้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่มีรายได้น้อย ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยการเก็บค่าโดยสาร 10 บาท ตลอดสาย จนถึงสิ้นปี 65 และจากสภาวการณ์ต่างๆทางบริษํทจึงได้ขยายเวลาเก็บค่าโดยสาร 10 บาท สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มอีก 3 เดือน จนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 66  นอกจากนี้ ในอนาคตบริษัทฯ ยังได้พิจารณาแนวทางว่าหากมีการเดินทางครบ 40 บาท ในหนึ่งวัน จะไม่จัดเก็บค่าโดยสารเพิ่มสำหรับการใช้บริการหลังจากนั้น

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ภายในเดือนตุลาคม 65 การเดินรถเมล์ใน กทม. จะมีสายรถโดยสาร EV ที่จะเปิดเดินรถเพิ่มอีกจำนวน 4 เส้นทาง คือ สาย 1-39 (71) สวนสยาม – คลองเตย สาย 1-52 (197) วงกลมมีนบุรี – ถนนคู้บอน – ถนนหทัยราษฎร์ สาย 4-28 (529) แสมดำ – อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และสาย 4-45 (81) พุทธมณฑลสาย 5 – ท่าราชวรดิษฐ์ โดยจะนำรถเข้าบรรจุเพิ่มประมาณ 50 คัน และภายใต้การเร่งรัดการดำเนินการในปีนี้จะมีรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าเพิ่มเป็น 972 คัน ใน 77 เส้นทาง ทั้งนี้จะเห็นว่าจากการผลักดันนโยบายอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 62 มาถึงปลายปีนี้ ประชาชนจะสามารถใช้บริการเครือข่ายรถเมล์พลังงานสะอาดกว่า 1,250 คัน ใน 122 เส้นทางที่ปฏิรูปใหม่ ซึ่งได้มีการวางแผนเชื่อมต่อระบบล้อ – ราง – เรือ อย่างครบวงจร นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบก ประสานงานกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ ในการจัดรถเสริมในเส้นทางที่บริษัทฯ ยังบรรจุรถไม่เต็มศักยภาพ เพื่อให้พี่น้องประชาชนเดินทางได้อย่างสะดวกและไม่ต้องรอใช้บริการนาน แต่ขอให้ดูเรื่องระเบียบและข้อกฎหมายให้ถูกต้องด้วย