“ศักดิ์สยาม”โชว์!ผลงานชิ้นโบว์แดงรับปีใหม่“แบริเออร์ยาง- ลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า-เดินหน้าเรือพลังงานไฟฟ้า-รับมือการแพร่ระบาดโควิดได้อย่างดี

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังแถลงผลการดำเนินงาน “การขับเคลื่อนนโยบายคมนาคมสู่การปฏิบัติ” ประจำปี 63 ของกระทรวงคมนาคม ว่า กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการรวมทั้งหมด 8 ด้าน 21 เรื่อง โดย 14 เรื่องประสบความสำเร็จไปแล้ว ส่วนอีก 7 เรื่องยังอยู่ระหว่างดำเนินการ สำหรับ 7 เรื่องที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ประกอบด้วย 1.ปรับเวลาเดินรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป เข้าเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลในช่วงเวลาหลัง 24.00 ถึง 04.00 น. ขณะนี้กำลังเร่งผลักดัน และหาวิธีการแก้ไขปัญหาอยู่ โดยเฉพาะการเพิ่มจุดจอดรถบรรทุกให้มากขึ้นตามข้อเสนอของผู้ประกอบการรถบรรทุก, 2.การศึกษารูปแบบ เงื่อนไขการอนุญาตบริการรถรับจ้างสาธารณะผ่านแอปพลิเคชั่น เพื่อสร้างทางเลือกใหม่ให้ประชาชน โดยเวลานี้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) กำลังดำเนินการจัดทำแอปพลิเคชั่น TAXI คาดว่าไม่เกินต้นปี 64 จะนำมาทดลองใช้บริการได้

3.ศึกษาและจัดทำแผนการใช้บัตรโดยสารเชื่อมโยงรถไฟฟ้าทุกระบบด้วยตั๋วร่วมให้สามารถใช้ร่วมกันได้อย่างเป็นรูปธรรม ขณะนี้ติดปัญหาอยู่ที่ระบบซอฟแวร์ในการอ่านบัตร ซึ่งต้องใช้เงินลงทุน ที่ผ่านมาจึงมีคำถามว่าใครจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายส่วนนี้ แต่เวลานี้ได้ประสานกับสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง โดยพร้อมจะลงทุนให้แล้ว ทำให้ผู้ประกอบการแต่ละรายเพียงแค่เสียค่าบริการในอัตราที่ไม่สูงมาก

3.ศึกษาและจัดทำแผนการใช้บัตรโดยสารเชื่อมโยงรถไฟฟ้าทุกระบบด้วยตั๋วร่วมให้สามารถใช้ร่วมกันได้อย่างเป็นรูปธรรม ขณะนี้ติดปัญหาอยู่ที่ระบบซอฟแวร์ในการอ่านบัตร ซึ่งต้องใช้เงินลงทุน ที่ผ่านมาจึงมีคำถามว่าใครจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายส่วนนี้ แต่เวลานี้ได้ประสานกับสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง โดยพร้อมจะลงทุนให้แล้ว ทำให้ผู้ประกอบการแต่ละรายเพียงแค่เสียค่าบริการในอัตราที่ไม่สูงมาก

ทั้งนี้ตัวระบบหัวอ่านจะเชื่อมโยงกับระบบของรถเมล์ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.), เรือโดยสาร, รถ บขส. และรถไฟด้วย, 4.แผนฟื้นฟูกิจการ ขสมก. ขณะนี้ปลัดกระทรวงคมนาคมได้หารือกับสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(สลค.) แล้ว ได้ข้อสรุปว่าต้องนำแผนฟื้นฟูเสนอให้คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือบอร์ดสภาพัฒน์ ก่อน ซึ่งคาดว่ากระทรวงคมนาคมจะเสนอได้ในเดือน ม.ค.64

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า 5.การพัฒนารถไฟทางคู่ ขณะนี้ได้มอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ไปศึกษาวิธีการเพื่อให้เอกชนมาร่วมลงทุน คาดว่าต้นปี 64 จะได้เห็นแนวทางว่าจะให้เอกชนร่วมลงทุนอย่างไร, 6.การขนส่งสินค้าทางน้ำจากท่าเรือบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไปยังท่าเรือแหลมฉบัง และท่าเรือกรุงเทพ เพื่อลดจำนวนรถบรรทุกจากภาคใต้ที่เข้าสู่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เวลานี้การเดินเรือสำหรับผู้โดยสารดำเนินการแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาเดินเรือสำหรับบรรทุกสินค้า แต่เนื่องจากที่ผ่านมาเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ปริมาณการขนส่งลดลง ซึ่งคงต้องรอให้สถานการณ์โควิด-19 ให้ดีขึ้นกว่านี้ก่อน และ 7.การพัฒนาท่าอากาศยานภูมิภาคเป็นศูนย์กลางรวบรวมผลผลิต และกระจายสินค้าเกษตร หรือสินค้าเน่าเสียง่ายออกสู่ตลาด ซึ่งกรมท่าอากาศยาน(ทย.) และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. รับนโยบายไปแล้ว คาดว่าต้นปี 64 จะได้เห็นเป็นรูปธรรม

นายศักดิ์สยาม กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องที่ประสบความสำเร็จแล้ว 14 เรื่องนั้น มีผลงานชิ้นโบว์แดงในด้านต่างๆ อาทิ ทางถนน โครงการนำยางพารามาใช้ เพื่อปรับปรุงอุปกรณ์เพิ่มความปลอดภัยทางถนน, ทางราง การปรับลดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า ทั้งรถไฟฟ้าสายสีม่วง และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์, ทางน้ำ โครงการเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า และสถานีเรืออัจฉริยะ และทางอากาศ ท่าอากาศยานสามารถบริหารจัดการเรื่องการรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้อย่างดี   

“คงไม่สามารถประเมินการทำงานของตัวเองได้ ขอให้ประชาชนเป็นผู้ประเมินดีกว่า แต่ยืนยันว่ากระทรวงคมนาคมจะทำงานแบบไม่หยุดอยู่กับที่ พร้อมที่จะเดินหน้าโครงการต่างๆ ที่เป็นประโยชน์เพื่อประชาชน และประเทศชาติต่อไป ที่ผ่านมาไม่อยากกล่าวถึงใคร แต่ปัจจุบัน รมว.คมนาคม, รมช.คมนาคม และผู้บริหารทุกคน ต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาเรื่องเดิมๆ ในอดีตจำนวนมาก และมีหลายเรื่องที่แก้ไขได้สำเร็ว โดยเร็วๆ นี้อาจมีข่าวดีในเรื่องคดีโฮปเวลล์ ซึ่งเวลานี้ศาลรัฐธรรมนูญได้รับพิจารณาคำร้องของกระทรวงคมนาคมแล้ว คงต้องรอคำวินิจฉัยจากศาลฯ”