“วัชรพงศ์ “ เผย ไทยได้ตั้งศูนย์อาเซียน รับมือโรคอุบัติใหม่ ช่วยตอกย้ำศักยภาพ สธ.ไทย สร้างความมั่นใจนักลงทุน

นายวัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรรณ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว กล่าวถึงความสำเร็จที่ได้รับจากการที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เดินทางไปร่วมประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนที่ประเทศอินโดนีเซีย ว่า การเดินทางไปในครั้งนี้ นายอนุทิน ได้บรรลุเป้าหมายที่สำคัญมากๆ คือ การผลักดันให้ไทย เป็นที่ตั้งของสำนักงานเลขาธิการของศูนย์อาเซียนด้านการรับมือกับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่ (ASEAN Centre for Public Health Emergencies and Emerging Diseases: ACPHEED) โดยจะทำการเปิดสำนักงานฯ ในเดือนสิงหาคมนี้ เรื่องนี้ ต้องผ่านการหารือมาอย่างยาวนาน และนายอนุทิน ไปจนถึงคณะผู้เจ้าหน้าที่ ได้อธิบายให้ในที่ประชุม กว่าจะลงคะแนนให้ไทย เราพยายามกันหนักมากๆ ต้องย้อนกลับไปว่า ประเทศสมาชิกอาเซียนมีการเจรจาเพื่อเลือกประเทศที่ตั้งของศูนย์นี้มานานกว่า 2 ปีแล้ว จนกระทั่งสามารถบรรลุข้อตกลงอย่างเป็นเอกฉันท์ได้ในการประชุมระดับรัฐมนตรีครั้งนี้

ความสำคัญคือ มันเป็นการยืนยันว่าประเทศไทย ยังได้รับความเชื่อมั่นด้านการจัดการระบบสุขภาพ จากประเทศสมาชิกในภูมิภาค และความเชื่อมั่นนี้ มันไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดจากการสั่งสมความสำเร็จ ไปจนมาในช่วงวิกฤติโควิด -19 ที่ไทย สามารถรับมือได้อย่างชาญฉลาด เราคือประเทศที่ WHO ยกให้เป็นต้นแบบในการรับมือกับโรค เราไม่ปล่อยให้ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งทะยานจนเกินรับไหว กลับกัน เราเข้าใจธรรมชาติของโรค เราควบคุมการระบาด โดยอนุญาตให้เศรษฐกิจยังเดินไปได้ด้วย ที่สุดแล้ว ความเชื่อมั่นจากนานาชาติ มอบให้ได้ก่อเป็นรูปธรรม จากการตั้งศูนย์ ACHHEED ข้างต้น

นอกจากนั้น เรายังเดินหน้าจัดทำข้อตกลงการยอมรับใบรับรองสุขภาพโควิด-19 เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางข้ามพรมแดนระหว่างกันของประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งประเทศไทยได้สนับสนุนการจัดทำข้อตกลงดังกล่าว เนื่องจากจะทำให้การเดินทางไปมาระหว่างภูมิภาคสะดวกและจะช่วยฟื้นฟูด้านเศรษฐกิจด้วย จะเห็นได้ว่าภารกิจของ สธ.ณ ปัจจุบัน เราไม่ได้มองเฉพาะเรื่องของสุขภาพประชาชน แต่งานของเรามุ่งเน้น สร้างอิมแพ็ก ในเรื่องของเศรษฐกิจปากท้องด้วย ท่านรัฐมนตรีฯ ต้องการเห็นคนไทย กลับมามีชีวิตเป็นปกติมากที่สุด เราเจ็บกับโควิด-19 มามากพอ จนถึงเวลาต้องคืนชีพเศรษฐกิจไทยแล้ว