“ภูมิธรรม” สั่งดูโครงสร้างต้นทุนไข่ไก่-หมู

  • ลั่นต้องแก้ปัญหาที่ต้นตอไม่อยากแก้ทีละเปราะ
  • หวังสร้างเป็นธรรมให้เกษตรกร เอกชน ประชาชน
  • ส่วนไข่ไก่ขึ้นราคาหน้าฟาร์ม 10 สตางค์ไม่น่ากังวล

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่เครือข่ายสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ 4 แห่ง ได้แก่ สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่แปดริ้ว จำกัด, สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่เชียงใหม่-ลำพูน จำกัด, สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ลุ่มแม่น้ำน้อย จำกัด และสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ชลบุรี จำกัด ได้ออกประกาศราคาแนะนำไข่ไก่คละหน้าฟาร์มที่ฟองละ 3.80 บาท ทำให้ราคาไข่ไก่ปรับขึ้นแผงละ 9 บาท หรือฟองละ 30 สตางค์ ทั้งขายปลีกและขายส่ง ว่า การปรับราคาไข่ไก่ ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมาก เพราะก่อนปรับขึ้น ราคาไข่ไก่หน้าฟาร์มอยู่ที่ฟองละ 3.70 บาท และสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ประกาศขายใหม่ที่ราคาฟองละ 3.80 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ลดมาจากราคาที่ประกาศไว้ตั้งแต่วันที่ 13 ก.ค.66 ที่ฟองละ 4.00 บาท แต่ราคาขายจริงไม่ถึง 4 บาท ขายแค่ 3.70 บาท

ดังนั้น เท่ากับว่า ราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มล่าสุดปรับขึ้นเพียงฟองละ 10 สตางค์ ส่วนราคาขายปลีกนั้นจากการติดตามยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปมากนัก แต่ได้สั่งให้กรมการค้าภายใน ติดตามดูแลและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึงดูแลโครงสร้างราคาอื่นๆ ทั้งระบบ เช่น หมูด้วย ไม่ใช่เฉพาะไข่ไก่

“เกิดปัญหาขึ้นครั้งหนึ่งแก้ครั้งหนึ่ง เป็นการแก้ไขปัญหาแค่ชั่วคราว แก้เป็นบางส่วน มีปัญหาอีกก็แก้อีก แล้วก็เอาเงินรัฐไปอุดหนุน ไม่ได้แก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นเหตุ”

นายภูมิธรรม กล่าวว่า การแก้ปัญหาแบบนี้ไม่ได้ตอบโจทย์ที่ถูกต้อง จำเป็นต้องดูโครงสร้างทั้งหมดในแต่ละรายการสินค้า กรมการค้าภายในต้องไปดูให้ชัด ตั้งแต่ต้นทุนการผลิต อาหารสัตว์ การนำเข้าวัตถุดิบ เพื่อให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะหากจะให้ผู้ผลิตได้กำไรนิดเดียวก็อาจจะอยู่ไม่รอด หรือราคาสูงก็กระทบผู้บริโภค จึงจำเป็นต้องแก้ไขโครงสร้างราคาและต้องแก้ไขปัญหาให้ได้โยเร็ว

“การปรับขึ้นราคาไข่ไก่ ก็ยังไม่ได้กังวล เท่ากับการพาดหัวข่าว อาจจะทำให้ตื่นเต้น กังวลเกินไป แต่ก็ไม่ว่าอะไร มองว่า เป็นเสียงเตือนให้เราคิดให้มากขึ้น”

ส่วนโครงสร้างราคาหมูนั้น ตนได้คุยกับผู้เลี้ยงแล้ว ซึ่งก็พร้อมหารือโครงสร้างราคาที่เหมาะสม กระทรวงพาณิชย์เป็นเพียงปลายน้ำ เวลาราคาราคาขึ้น-ลง ก็ต้องมาแก้ไขกันที ดังนั้น ก็ได้ให้ผู้เลี้ยง ทบทวนหาข้อสรุปต้นทุนที่สมดุลแล้วมาหารือ เพื่อให้ได้ราคาที่เหมาะสม ซึ่งต้องใช้เวลา ส่วนช่วงใกล้เทศกาลตรุษจีน ที่ราคาหมูอาจปรับขึ้นนั้น ได้เชิญผู้ประกอบการ ผู้ผลิต ห้างสรรสินค้ามาหารือเพื่อขอให้ขายราคาที่เหมาะสม ขณะที่ผู้เลี้ยงก็ขอไปคิดเพื่อหาราคาที่ลงตัว คาดว่า เร็วๆ นี้จะได้ข้อสรุป