- เผยกิจการในไทยมีรายได้จากการขายจำนวน 50,980 ล้านบาท
- ด้านกิจการต่างประเทศ มีรายได้จากการขายจำนวน 105,016 ล้านบาท
- อานิสงส์ผ่อนคลายของมาตรการการป้องกันโควิด ทำความต้องการบริโภคดีขึ้น
- ชี้เคาะจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.40 บาท/หุ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ บริษัทชั้นนำในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมอาหารที่มีการลงทุนและร่วมลงทุนใน 17 ประเทศทั่วโลก รวมถึงการส่งออกสินค้าไปยัง 40 ประเทศ เปิดเผยยอดขายประจำไตรมาส 2 ปี 2565 ว่า สามารถทำได้จำนวน 155,996 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยกำไรสุทธิจำนวน 4,208 ล้านบาท
ทั้งนี้ กิจการประเทศไทยมีรายได้จากการขายจำนวน 50,980 ล้านบาท (คิดเป็นสัดส่วน 33% ของรายได้จากการขายรวม) เพิ่มขึ้น 17% และในส่วนของกิจการต่างประเทศ มีรายได้จากการขายจำนวน 105,016 ล้านบาท (คิดเป็นสัดส่วน 67% ของรายได้จากการขายรวม) เพิ่มขึ้น 22% โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น และความต้องการบริโภคดีขึ้น จากการผ่อนคลายของมาตรการการป้องกันโควิดในประเทศต่าง ๆ
ด้านกำไรขั้นต้นในไตรมาสท 2 ปี 2565 อยู่ที่ 22,624 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนอย่างไรก็ตาม ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนลดลง 1,546 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหลักมาจากผลการดำเนินงานของบริษัทร่วมในประเทศจีน ที่ได้รับผลกระทบจากราคาสุกรที่อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าระยะเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ประกอบกับต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับสูงขึ้น จึงเป็นผลให้กำไรสุทธิ สำหรับไตรมาสที่ 2 ปี 2565 อยู่ที่ 4,208 ล้านบาท ลดลง 11% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า ผลจากมาตรการด้านโควิด-19 ที่ผ่อนคลายลงในหลายประเทศ และระดับราคาสุกรในประเทศจีนได้ปรับตัวสูงขึ้นจากไตรมาส 2 ที่ผ่านมา รวมถึงผลจากการให้ความสำคัญด้านประสิทธิภาพการดำเนินงาน เพื่อให้มีต้นทุนที่สามารถแข่งขันได้มาโดยตลอด บริษัทฯ จึงคาดว่าผลการดำเนินงานในครึ่งหลังของปีนี้มีแนวโน้มการเติบโตที่โดดเด่นต่อเนื่องจากไตรมาส 2 ที่ผ่านมา และมองว่าผลจากการให้ความสำคัญด้านประสิทธิภาพการดำเนินงานและการปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานในปีต่อ ๆ ไปสามารถเติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 15 ส.ค. 2565 ได้มีมติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนปีนี้ ในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท โดยจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น ที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 31 ส.ค. 2565 (ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 30 ส.ค. 2565) และจะทำการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 14 ก.ย. 2565