ปตท.ปรับเป้ากำไรปี62 รับมือสงครามการค้าสหรัฐ-จีน

  • ปตท.ยอมรับสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ส่งผลกระทบต่อยอดขาย
  • จัดทัพผู้บริหารระดับสูง68ตำแหน่ง ปรับแผนการลงทุนใหม่
  • เผยตลาดน้ำมันเบนซิน-น้ำมันเตายอดลด เตรียมรุกตลาดน้ำมันเครื่องบินทดแทน

นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)​ ให้สัมภาษณ์ระหว่างการพาสื่อมวลชนศึกษาดูงานเมืองอัจฉริยะ ณ เมืองเกอร์นอฟ ประเทศฝรั่งเศส ว่า จากกสงครามการค้าสหรัฐ-จีน  การปรับโครงสร้างธุรกิจ ปรับโครงสร้างผู้บริหารใหม่ และผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ทำให้ปตท.ต้องพิจารณาทบทวนการกำหนดเป้าหมายผลประกอบการใหม่ โดยเฉพาะกำไร  เนื่องจากยอดขายและส่วนต่างของกำไรผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีของบริษัทในเครือลดลงเล็กน้อย

ขณะที่สถานการณ์แนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลก ปตท.คาดว่าราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยอยู่ที่ 60-70 เหรียญฯต่อบาร์เรล เนื่องจากปริมาณการผลิตในขณะนี้มากกว่าความต้องการใช้ โดยความต้องการใช้น้ำมันเบนซิน  น้ำม้นเตา ลดลง ส่งผลต่อยอดขายของปตท.ด้วย แต่ความต้องการใช้น้ำมันเครื่องบิน เพิ่มขึ้น  เนื่องจากธุรกิจสายการบินเติบโต โดยเฉพาะในเอเชีย ที่สายการบินต้นทุนต่ำ เติบโตมาก ประชาชน เดินทางท่องเที่ยวจำนวนมาก ทำให้ตลาดน้ำมันเครื่องบินเติบโตตามไปด้วย ซึ่งเป็นโอกาสของปตท. ที่จะเพิ่มยอดขายน้ำมันเครื่องบินเช่นกัน  ขณะเดียวกันการใช้พลังงานของโลกได้ปรับเปลี่ยนไปสู่พลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานทดแทนอื่นๆ ทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกไม่ผันผวนเหมือนที่ผ่านมา 

นายชาญศิลป์ กล่าวว่า สำหรับการปรับแผนการลงทุนในปีนี้ ด้วยการเพิ่มเม็ดเงินลงทุนเพิ่มอีก 33,200 ล้านบาทนั้น ส่งผลให้งบประมาณการลงทุนของปตท.ปีนี้อยู่ที่ 104,000 ล้านบาท โดยวงเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นนั้น ปตท.จะลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรม ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสู่ยุคดิจิทัล อีกทังเป็นการเตรียมพร้อมการลงทุนพัฒนาท่าเรือมาตพุดระยะที่ 3 ที่คาดว่าจะลงนามในสัญญาได้ในเดือนก.ค.นี้ รวมถึงการเพิ่มทุนในบริษ้ท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน)​หรือจีพีเอสซี ตลอดจนการลงทุนในกองทุนใหม่ต่างๆ ด้วย  

“การขยายการลงทุนของปตท.​จะเน้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องและปตท.มีความเชี่ยวชาญ ซึ่งการลงทุนท่าเรือมาตพุดนั้น ถือว่าปตท.เกี่ยวข้องมาตลอด ถือว่ามีความเชี่ยวชาญ เชื่อว่าจะสามารถบริหารได้ดี มีประสิทธิภาพ ส่วนการลงทุนในรถไฟความเร็วสูง(ไฮสปีดเทรด)​เชื่อม 3 สนามบินนั้น ปตท.ไม่มีความชำนาณ แต่หากผู้ชนะประมูลมาเทียบเชิญ ให้ไปร่วมลงทุนในส่วนที่ปตท.เกี่ยวข้อง ก็น่าสนใจ ซึ่งต้องศึกษาความเป็นไปได้การลงทุนก่อนแล้วนำเรื่องหารือในที่ประชุมบอร์ด หากบอร์ดเห็นชอบ ก็สามารถดำเนินการได้”

นายชาญศิลป์ กล่าวว่  ขณะนี้ปตท.ได้ปรับโครงสร้างผู้บริหารระดับสูงในเครือ 68 ตำแหน่ง ทั้งทดแทนคนเกษียณอายุในช่วงเดือนต.ค.นี้ และโยกย้ายสลับตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง เพื่อความคล่องตัวและสอดคล้องกับโครงสร้างธุรกิจใหม่ของปตท. รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วย ขณะเดียวกันยังได้ปรับแผนการลงทุน 5 ปีใหม่ ซึ่งจะเสนอให้บอร์ดปตท.พิจารณาในเร็วๆนี้ 

สำหร้บการขยายการลงทุนในต่างประเทศนั้น จะให้บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือปตท.สผ.ไปลงทุนในประเทศต่างๆทั่วโลก เน้นแหล่งผลิตที่มีศักยภาพการผลิต เพื่อเสริมความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ ส่วนการร่วมลงทุนในการผลิตไฟฟ้า ก็จะลงทุนผ่านจีพีเอสซี ในการลงทุน เน้นประเทศเพื่อนบ้าน เช่น  เวียดนาม พม่า กัมพูชา ลาว มาเลเซีย เป็นต้น ส่วนการลงทุนขยายตลาดก๊าซแอลพีจี ก็จะให้บริษัท ปตท.น้ำมันและค้าปลีก จำกัด  รุกตลาดต่างประเทศ เน้นประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศในเอเซียด้วย