ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลดลงต่อเป็นวันที่ 3 ดาวโจนส์แดงเถือกรับสิงหาอาถรรพ์

  • ทรัมป์ ขู่ขึ้นภาษีนำเข้าจากจีนอีก 3 แสนล้านเหรีญฯ
  • ตัวเลขการจ้างงานแสดงเศรษฐกิจสหรัฐฯยังอ่อนแอ
  • นักวิเคราะห์ยกสถิติเก่า “สิงหา”อาถรรพ์ตลาดหุ้น

เมื่อเวลาประมาณ 21.15 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ เปิดตลาดติิดลบแรงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวอยู่ที่ 26,355.97 จุด ลดลงอีกถึง 227.45 จุด หรือติดลบ -0.86% ขณะที่ดัชนีแนสแด็กส์ คอมโพซิท เคลื่อนไหวใกล้จะหลุด 8,000 จุด อยู่ที่ 8,007.11 จุด ติดลบ104.01 จุด หรือติดลบ -1.28% เช่นเดียวกับดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่เคลื่อนไหวหลุด 3,000 จุดไปเรียบร้อย อยู่ที่ 2,926.09 จุด ติดลบ 27.47 จุด หรือ -0.93%

โดยความมั่นใจเกิดขึ้นจากการประกาศสงครามการค้ารอบใหม่ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทั้งการขู่ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีกระลอก และอาจจะมีการประกาศสงครามการประเทศอื่นๆ เพิ่มเติมอีก

นักวิเคราะห์ มองตลาหุ้นสหรัฐฯ ในเดือนนี้ว่ามีแนวโน้มซบเซา ขณะที่สถิติในอดีตบ่งชี้ว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมักปรับตัวย่ำแย่ในเดือนส.ค. ขณะที่ดัชนี S&P 500 ประเดิมปิดตลาดวันแรกในเดือนส.ค. ดิ่งลงเกือบ 1% ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ข้อมูลจาก “Stock Trader’s Almanac” ระบุว่า เดือนส.ค.ถือเป็นเดือนที่ไม่ถูกโฉลกสำหรับนักลงทุนในตลาด โดยนับตั้งแต่ปี 2493 เดือนส.ค.เป็นเดือนที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวย่ำแย่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของปี รองจากเดือนก.ย.โดยในช่วงเกือบ 70 ปีที่ผ่านมา ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลงเฉลี่ย 0.1% ในเดือนส.ค. และร่วงลงเฉลี่ย 0.5% ในเดือนก.ย.

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่เรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนครั้งใหม่ รวมทั้งมีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่อ่อนแอ ตลาดการเงินเพิ่มคาดการณ์สู่ระดับเกือบ 100% ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า และมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นปัจจัยทำให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่เฟดคาดการณ์ไว้ เพื่อปกป้องเศรษฐกิจสหรัฐจากความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการค้า

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาสถึง 95.8% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 17-18 ก.ย. จากระดับไม่ถึง 50% เมื่อวันพุธ

นายเบรตต์ ไรอัน นักวิเคราะห์จากดอยซ์แบงก์ ระบุว่า หากสหรัฐจะเรียกเก็บภาษี 10% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ย.จะเพิ่มโอกาสที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยรวมมากกว่า 0.75% ในปีนี้
ส่วนนายลู เบรียน นักวิเคราะห์จากดีอาร์ดับเบิลยู โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า หากปัญหาทางการค้าได้ลุกลามกลายเป็นสงครามการค้าเต็มรูปแบบ เฟดก็คงไม่สามารถรักษาแผนการเดิมที่จะจำกัดการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่จะมีความจำเป็นในการป้องกันการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

นอกจากนั้น นอกเหนือจากจีน ดูเหมือนว่าประธานาธิบดีทรัมป์ จะเปิดแนวรบสงครามการค้าด้านใหม่ หลังทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีกำหนดกล่าวแถลงการณ์ด้านการค้าเกี่ยวกับสหภาพยุโรป (EU) ในวันนี้เวลา 13.45 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือคืนนี้เวลา 00.45 น.ตามเวลาไทย โดยสหรัฐฯ มีความขัดแย้งด้านการค้ากับ EU ในหลายประเด็น เช่น การเก็บภาษีรถยนต์, การซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐ รวมทั้งการที่ฝรั่งเศสมีแผนที่จะเก็บภาษีดิจิทัลต่อบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐ เช่น อเมซอน กูเกิล แอปเปิล และ เฟซบุ๊ก

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมา ยังไม่ดีเท่าที่คาด โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 164,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 165,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานยังคงอยู่ที่ระดับ 3.7% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 3.6% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี