ด่วน! ศูนย์พิทักษ์สิทธิคนพิการฯ รับติวเข้มอบรม-พัฒนาฝีมือแรงงานผู้พิการ 5 ประเภท

  • เพื่อรองรับตลาดแรงงาน หลังรัฐเปิดประเทศ ให้พร้อมทำงานได้ทันที
  • ชี้เป็นเรื่องดี เพราะนั่นหมายถึงเศรษฐกิจที่จะกลับมาฟื้นตัว มีการจ้างงาน สร้างอาชีพ

นายสัมฤทธิ์ ชาภิรมย์ ผู้จัดการ ศูนย์พิทักษ์สิทธิคนพิการ 1479 สายด่วนคนพิการประชารัฐ กล่าวถึง การประกาศของรัฐบาลในการเปิดประเทศ เป็นเรื่องที่น่ายินดีเพราะนั่นหมายถึงเศรษฐกิจน่าจะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ดังนั้นเพื่อเป็นการรองรับตลาดแรงงาน การจ้างงาน สร้างอาชีพ ที่จะกลับมาตื่นตัวอีกครั้ง ทางศูนย์พิทักษ์สิทธิคนพิการฯ จึงได้มีนโยบายในการจัดให้มีการอบรมพัฒนาฝีมือแรงงานให้กับผู้พิการ ให้มีทักษะและฝีมือเทียบเท่าคนปกติ ซึ่งผู้พิการปัจจุบันแบ่งได้ 5 กลุ่มคือ (1) ผู้พิการทางการเคลื่อนไหวหรือทางร่างกาย (2) ผู้พิการทางด้านการสายตาและการมองเห็น (3) ผู้พิการทางด้านสติปัญญา (4) ผู้พิการทางการได้ยินหรือการสื่อความหมาย และ (5) ผู้พิการที่เป็นออทิสติก

ทั้งนี้ ผู้พิการที่ผ่านการเรียนรู้และอบรมวิชาชีพที่โรงเรียนสอนคนตาบอดพระมหาไถ่พัทยาฯ และอีก3หน่วยงานคือวิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ หนองคาย ในพระราชูปถัมภ์ฯ วิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ พัทยา และโรงเรียนเด็กพิเศษคุณพ่อเรย์ ที่ร่วมมือกันครั้งนี้ เพื่อรองรับตลาดแรงงาน การจ้างงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างทันท่วงที ซึ่งผู้พิการเหล่านี้ล้วนมีทักษะและความชำนาญ ประกอบอาชีพและทำงานได้เกือบทุกประเภทเหมือนคนปกติทั่วไป ถือว่าองค์กรการกุศล ที่จัดการศึกษาและฟื้นฟูสมรรถภาพ พัฒนาคุณภาพชีวิต ตลอดจนฝึกอาชีพให้ผู้พิการเหล่านี้ให้มีความชำนาญ จนประกอบอาชีพช่วยเหลือตนเองและครอบครัวได้ อาชีพที่เหมาะสำหรับผู้พิการมีหลากหลาย อาทิพนักงาน call center นักกฎหมาย ศิลปิน นักบัญชี เลขานุการ พนักงานบริการลูกค้า พนักงานในโรงงาน นักวิเคราะห์ทางการเงิน ที่ปรึกษา ครู พ่อครัว พนักงานขาย พนักงานธุรการ คนเขียนแบบ วิศวกร เกษตรกร ชาวสวน บรรณารักษ์นักสถิติ นักเขียน เป็นต้น รวมถึงคนพิการที่เป็นบุคคลออทิสติกส่วนใหญ่จะประสบความสำเร็จในลักษณะงานทางศิลปะ เช่น การทำเครื่องประดับ ทำงานด้วยดอกไม้และพืช เป็นต้น

พร้อมกันนี้ ในส่วนของนายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการทั้งเอกชนและหน่วยงานของรัฐ ที่รับผู้พิการเข้าทำงานในบริษัทของท่าน ตามมาตรา 33 สามารถนำค่าใช้จ่ายในการจ้างคนพิการ (เงินเดือน ค่าล่วงเวลา ฯลฯ) ลงเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ 2 เท่า แต่กรณีที่รับคนพิการเข้าทำงาน หรือนำส่งเงินเข้ากองทุนฯ จะได้รับยกเว้นภาษีเป็นร้อยละของจำนวนเงินค่าจ้างที่จ่ายให้แก่คนพิการหรือเงินที่ส่งเข้ากองทุนได้อีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งเป็นไปตามการจ้างงานผู้พิการตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานที่ถูกกำหนดไว้ใน พ.ร.บ. ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550

“ดังนั้นหลังจากที่มีการเปิดประเทศ มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการฯ จึงขอเชิญชวน นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการรับผู้พิการเข้าทำงานในบริษัทของท่านด้วย เพราะไม่ใช่แค่การจ้างผู้พิการให้มีรายได้ช่วยเหลือตนเองนั้น แต่ยังช่วยให้สามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้อีกด้วย เป็นการสร้างความรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นที่พึ่งพิงให้กับครอบครัว มีคุณค่าและมีศักดิ์ศรี สำหรับนายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการฯ ทั้งภาครัฐและเอกชนที่ต้องการจ้างงานคนพิการที่เหมาะสมกับกิจการสามารถติดต่อได้ที่โทร 1479 สายด่วนคนพิการประชารัฐ ซึ่งจะประสานหาบุคลากรคุณภาพที่เหมาะสมกับความต้องการของนายจ้างต่อไป” นายสัมฤทธิ์ กล่าว