ดาวโจนส์แกว่งตัวแคบจับตาความสัมพันธ์จีน-สหรัฐ-การฟื้นตัวเศรษฐกิจ


.กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ประกาศจะแบน WeChat และติ๊กต็อก (TikTok) ตั้งแต่วันอาทิตย์นี้
.บริษัทสหรัฐจะไม่สามารถส่งข้อความ หรือชำระเงินผ่านทั้งสองแอพได้
.นักลงทุนเทขายหุ้นเทคโนโลยีต่อเนื่อง จับตาการฟื้นตัวเศรษฐกิจสหรัฐ

ตลาดหุ้นสหรัฐเคลื่อนไหวผันผวนทั้งแดนบวกและแดนลบสลับกันไปมา โดยเมื่อเวลา 21.25 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ 27,934.07 จุด เพิ่มขึ้น 32.09 จุด หรือ +0.12% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 10,930.13จุด เพิ่มขึ้น 19.86 จุด หรือ +0.18% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,357.90 จุด เพิ่มขึ้น 0.89 จุด หรือ +0.03%
นักลงทุนจับตาสถานการณ์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งบริษัทสหรัฐที่ไปลงทุนในจีน หลังกระทรวงพาณิชย์สหรัฐแถลงในวันนี้ว่า ทางกระทรวงจะระงับการทำธุรกรรมใดๆของภาคธุรกิจสหรัฐที่มีต่อ WeChat และติ๊กต็อก (TikTok) ตั้งแต่วันอาทิตย์นี้

โดยแถลงการณ์ของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า เริ่มตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. บริษัทสหรัฐจะไม่สามารถส่งข้อความหรือภาพใดๆผ่านทาง WeChat และTikTok ซึ่งจะหมายความว่าแอปเปิลและกูเกิลจะต้องลบ WeChat และ TikTok ออกจากแอปสโตร์ นอกจากนี้ บริษัทสหรัฐจะไม่สามารถให้บริการโอนเงิน หรือดำเนินการชำระเงินผ่านทาง WeChat ได้ด้วย

แหล่งข่าวระบุวานนี้ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เตรียมตัดสินใจว่าจะให้การอนุมัติต่อข้อเสนอของออราเคิลในการซื้อกิจการ TikTok ในสหรัฐหรือไม่ ภายในเวลา 24-36 ชั่วโมง โดยการแบนดังกล่าวนั้น ประธานาธิยดีทรัมป์ได้หารือกับสมาชิกคณะรัฐมนตรี รวมทั้งบรรดาที่ปรึกษาแล้ว ก่อนที่จะทำการตัดสินใจขั้นสุดท้าย

ขณะเดียวกันหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยียังคงมีแรงขายเพื่อทำกำไร และลดความเสี่ยงต่อเนื่อง ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจที่ทยอยออกมาเพื่อหาสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงความกังวลถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ด้านสถานการณ์โควิด-19 ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง Worldometer ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 30,380,034 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 951,150 ราย ทั้งนี้ สหรัฐมียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก (6,875,103) รองลงมาคืออินเดีย (5,214,677), บราซิล (4,457,443), รัสเซีย (1,091,186), เปรู (750,098) และโคลอมเบีย (743,945)