ดาวโจนส์เปิดสัปดาห์บวกเพิ่มกว่า 120 จุด คลายกังวลสถาบันการเงินล้มละลาย

  • นักลงทุนใจชื้น หลังเฟิร์สต์ ซิติเซนส์ แบงก์ เข้าซื้อกิจการธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์
  • ตลาดคลายกังวลวิกฤตภาคธนาคารสหรัฐฯ ส่งผลให้มีแรงซื้อหุ้นกลับ -อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลง
  • นักลงทุนจับตาดัชนี PCE คาดเฟดคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนพ.ค.

เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 32,366.09 จุด เพิ่มขึ้น
128.56 จุด หรือ +0.40% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 11,809.30 จุด ลดลงเล็กน้อย 14.66 จุด หรือ -0.12%
ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 3,982.88 จุด เพิ่มขึ้น 11.89 จุด หรือ +0.30%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวผันผวน โดยดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวดีขึ้น โดยนักลงทุนกลับมาช้อนซื้อหุ้นสะสม และขายพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังคลายความกังวลต่อวิกฤตในภาคธนาคาร รวมทั้ง ยังคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะไม่เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน พ.ค.เพื่อลดผลกระทบจากภาคธนาคาร อย่างไรก็ตาม ดัชนีหุ้นแนสแด็กอยู่ในแดนลบเล็กน้อย

ทั้งนี้ ข่าวธนาคารเฟิร์สต์ ซิติเซนส์ แบงก์ เข้าซื้อกิจการธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ รวมทั้งข่าวที่ว่า ทางการสหรัฐกำลังพิจารณาออกมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติมต่อภาคธนาคาร ซึ่งจะทำให้ธนาคารเฟิร์สต์ รีพับลิค แบงก์ มีเวลามากขึ้นในการเพิ่มสภาพคล่องส่งผลให้หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น รวมทั้งหุ้นดอยซ์แบงก์ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นเช่นกัน

นายโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวว่า ดอยซ์แบงก์ได้ผ่านการปรับโครงสร้างแล้ว และมีการปรับรูปแบบธุรกิจให้ทันสมัย รวมทั้งเป็นธนาคารที่สามารถทำกำไรอย่างมาก

นักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า 60% ในการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปในเดือนพ.ค. และจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค. ซึ่งเร็วกว่าที่เฟดคาดการณ์ไว้

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 66.9% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค. และให้น้ำหนักเพียง 33.1% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25%

นักลงทุนจับตาดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์ ซึ่งจะบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด

#