ดาวโจนส์ปิดลบ 58 จุด ตลาดจับตาจ้างงาน-เงินเฟ้อสหรัฐ

Business team investment trading do this deal on a stock exchange. People working in the office.

.ถ้อยแถลงนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) วันที่2ย้ำขึ้นดอกเบี้ยต่อ

.นักลงทุนเริ่มซึมซับปัจจัยลบ โดยหุ้นที่อ่อนไหวต่อดอกเบี้ยกระเตื้องขึ้น หลังลดลงแรงก่อนหน้า

.ตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้น 242,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 8 มี.ค. ที่ 32,798.40 จุด ลดลง 58.06 จุด หรือ -0.18%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,992.01 จุด เพิ่มขึ้น 5.64 จุด หรือ +0.14% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 11,576.00 จุด เพิ่มขึ้น 45.67 จุด หรือ +0.40%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯกระเตื้องขึ้นหลังดิ่งหนักวันก่อนหน้า ยกเว้นดัชนีดาวโจนส์ที่ยังปิดในแดนลบ ทั้งนี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เสร็จสิ้นการแถลงนโยบายการเงินต่อสภาคองเกรสในวันที่ 2 ซึ่งยังคงย้ำว่า เฟดจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

อย่างไรก็ดี เฟดยังไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับขนาดของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค. โดยเฟดจะพิจารณาจากข้อมูลที่ได้รับเกี่ยวกับตลาดแรงงานและเงินเฟ้อ ซึ่งหากข้อมูลบ่งชี้ให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้เร็วขึ้น เฟดก็พร้อมที่จะเพิ่มความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ทั้งนี้ นายพาวเวลกล่าวว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.พ.ที่จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์ที่ 10 มี.ค.นี้ถือเป็นข้อมูลที่มีความสำคัญ รวมทั้งดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์หน้า ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 21-22 มี.ค.

โดยล่าสุด ตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้น 242,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 205,000 ตำแหน่ง จากระดับ 119,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค.

นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ปรับเพิ่มตัวเลขการเปิดรับมัครงานในเดือนธ.ค. 2565 สู่ระดับ 11.2 ล้านตำแหน่ง จากเดิมที่ระดับ 11.0 ล้านตำแหน่ง โดยคาดว่าข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งนี้อาจจะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลานานขึ้น

ข้อมูลจาก FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 80% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 21-22 มี.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 70% ในวันอังคาร และจากระดับ 31% ในวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันก่อนที่นายพาวเวลจะแถลงต่อสภาคองเกรสในวันแรก

ดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์พุ่งขึ้น 1.3% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น 0.2% ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนดัชนีแนสแด็ก ปิดในแดนบวก ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 1% หลังจากราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2

หุ้นเทสลาร่วงลง 3% หลังมีรายงานว่า สำนักงานความปลอดภัยด้านการจราจรบนทางหลวงแห่งชาติสหรัฐ (NHTSA) กำลังสอบสวนกรณีมีผู้ร้องเรียนว่าพวงมาลัยของรถยนต์เทสลา Model Y รุ่นปี 2023 ได้หลุดออกมาในขณะที่คนขับกำลังขับขี่รถยนต์บนถนน

หุ้นออคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 2% หลังจากบริษัทเบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ เพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นในออคซิเดนเชียล ปิโตรเลียมสู่ระดับ 22.2%

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.พ.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 200,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. หลังจากพุ่งขึ้นเกินคาดถึง 517,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค.

%%%%%