ดาวโจนส์ปิดบวก 227จุด ผลประกอบการดีกว่าคาด – กิจกรรม เศรษฐกิจเริ่มฟื้น

  • นักลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มขานรับข่าว วัคซีน mRNA-1273 สร้างภูมิคุ้มกันโควิด-19 ได้ดี
  • ผลประกอบการไตรมาส2บริษัทใหญ่ออกมาดีหนุนตลาดเดินหน้าบวก
  • ตลาดได้ปจจัยบวกจาก Beige Book ของเฟดที่ระบุว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 15 ก.ค.ที่ 26,870.10 จุด เพิ่มขึ้น 227.51 จุด หรือ +0.85% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,226.56 จุด เพิ่มขึ้น 29.04 จุด หรือ +0.91% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซืส ปิดที่ 10,550.49 จุด เพิ่มขึ้น 61.91 จุด หรือ +0.59%

นักลงทุนยังคงเข้าซื้อหุ้น หลังการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ในหลายๆ บริษัทจดทะเบียนออกมาดีเหนือความคาดหมาย มีความคืบหน้าวัคซีนฌควิด-19 ขณะที่รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หรือ Beige Book ซึ่งระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้น

อย่างไรก็ตาม ความกังวลในการแพร่ระบาดในอัตราที่สูงมากในสหรัฐ และสูงที่สุดในโลก ยังคงบั่นทอนความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯต่อเนื่อง โดยนักลงทุนจับตามาตรการปิดธุรกิจว่าเข้มขึ้นมากแค่ไหน หากการระบาดที่ยังสูงในรอบแรกเข้าสู่รอบ 2

ราคาหุ้นโกลด์แมน แซคส์พุ่งขึ้นแรง 1.36%หลังธนาคารเปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 2 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยทางธนาคารสามารถทำสถิติรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 2 เมื่อเทียบรายไตรมาส โดยรายได้จากการซื้อขายตราสารหนี้สูงสุดในรอบ 9 ปี ขณะ รายได้รวมพุ่งขึ้น 41% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ เป็นส่วนหนึ่งที่หนุนตลาดหุ้นสหรัฐฯให้เปิดยืรในแดนบวก

เช่นเดียวกับ ราคาหุ้น Moderna ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพจากสหรัฐที่พุ่งสูงขึ้นถึง6.9% หลังจากที่นักลงทุนขานรับข่าวดี ที่บริษัทเปิดเผยออกมาว่า วัคซีน mRNA-1273 สำหรับต้านควิด-19 ซึ่งทางบริษัทผลิตขึ้นนั้น สามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้กับผู้ป่วย โดยผลการทดลองขั้นต้นในการใช้วัคซีนต้านโควิด-19 กับผู้ป่วย 45 คน พบว่า ผู้ป่วยทั้งหมดมีการตอบสนองด้านภูมิคุ้มกันในระดับที่แข็งแกร่ง สามารถผลิตแอนติบอดีที่เป็นกลาง และทางบริษัทจะเริ่มทำการศึกษาวึคซีนดังกล่าวในเฟส 3 ในเดือนนี้

หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจสหรัฐ เช่น สายการบิน ค้าปลีก และธุรกิจเรือสำราญ ต่างก็ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ทะยานขึ้น 16.16% หุ้นเดลตา แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 9.49% หุ้นเมซีส์ อิงค์ พุ่งขึ้น 6.97% หุ้นโคห์ลส์ คอร์ป พุ่งขึ้น 9.42% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ ทะยานขึ้น 21.13% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป พุ่งขึ้น 16.22%

ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบหลังจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 4.08% หุ้นเอ็กซอน โมบิล บวก 1.25% หุ้นเชฟรอน บวก 0.61%

นอกจากนั้น ข่าวดีของบริษัทแอปเปิล อิงค์ ที่ประกาศว่า General Court ซึ่งเป็นศาลอุทธรณ์ยุโรป มีคำตัดสินให้คำสั่งของสหภาพยุโรป (EU) ในปี 2559 ในการบังคับให้แอปเปิลจ่ายภาษีย้อนหลังให้แก่รัฐบาลไอร์แลนด์เป็นจำนวนเงิน 1.3 หมื่นล้านยูโร (1.4 หมื่นล้านดอลลาร์) นั้น ถือเป็นโมฆะ
ส่งผลให้หุ้นแอปเปิลดีดตัวขึ้น

อย่างไรก็ตาม สหรัฐยังคงติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 และผู้เสียชีวิต โดยมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 3,546,278 ราย และมีผู้เสียชีวิต 139,162 ราย ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในสหรัฐพุ่งขึ้น 67,417 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงเป็นประวัติการณ์

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาวานนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐพุ่งขึ้น 5.4% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการดีดตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 หลังจากปรับตัวขึ้น 1.4% ในเดือนพ.ค.

ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคานำเข้าพุ่งขึ้น 1.4% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2555

ซึ่งสอดคล้องกับรายงาน Beige Book ของเฟดระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้น ขณะที่การใช้จ่ายผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น ซึ่งรวมถึงการใช้จ่ายด้านสันทนาการ หลังจากรัฐต่างๆในสหรัฐผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ นอกจากนี้ กิจกรรมด้านการผลิตและการจ้างงานก็ส่งสัญญาณดีขึ้นเช่นกัน