ดาวโจนส์ดิ่งต่อกว่า 400 จุด หวั่นโควิด-19 ทั่วโลกระบาดรอบ 2

  • นักวิชาการชี้การระบาดรอบสองของเริ่มขึ้นแล้วในสหรัฐ เหตุคลายล็อกดาวน์
  • นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจสหรัฐ
  • น้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ดิ่งลงกว่า 3% หวั่นกำลังซื้อไม่ฟื้น

เมื่อเวลา 21.15 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ 25,152.90 จุด ลดลง 452.64 จุด หรือ 1.76% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 9,537.67 จุด ลดลง 51.14 จุด หรือ -0.53% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,003.54 จุด ลดลง 37.77 จุด หรือ -1.24%

หลังจากทางการปักกิ่งรายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 79 รายในช่วง 4 วันที่ผ่านมา หลังจากที่ไม่มีการรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นเวลาเกือบ 2 เดือน ขณะที่สื่อญี่ปุ่นรรายงานว่า รัฐบาลกรุงโตเกียวยืนยันพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 48 รายในวันนี้ นับเป็นวันที่สองติดต่อกันที่เมืองหลวงของญี่ปุ่นมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเกือบ 50 ราย ส่งผลให้เกิดความกังวลว่ายอดผู้ติดเชื้อจะกลับมาพุ่งสูงขึ้นอีกระลอก

ข่าวดังกล่าว ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐมีความกังวลต่อการระบาดรอบสองในสหรัฐว่าจะรุนแรงกว่าในรอบแรก โดยศาสตราจารย์วิลเลียม แชฟเนอร์ จากมหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิลท์ กล่าวว่า การระบาดรอบสองของไวรัสโควิด-19 ได้เริ่มขึ้นแล้วในสหรัฐ โดยในช่วงที่เราเริ่มเปิดเศรษฐกิจทั่วประเทศ แต่ประชาชนจำนวนมากยังคงไม่รักษาระยะห่างทางสังคม และไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย ทำให้การระบาดรุนแรงขึ้นอีกครั้ง

หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจสหรัฐ เช่น สายการบิน ค้าปลีก และธุรกิจเรือสำราญ มีแรงเทขาย หลังจำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐเพิ่มขึ้นกว่า 25,000 รายในวันเสาร์ที่ผ่านมา ขณะนี้ทั้ง 50 รัฐของสหรัฐได้ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์แล้ว ขณะที่มีหลายรัฐ เช่น อลาบามา แคลิฟอร์เนีย ฟลอริดา เท็กซัส และนอร์ธ แคโรไลนา ต่างก็รายงานการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19

เช่นเดียวกับสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ดิ่งลงกว่า 3% หลุดระดับ 35 ดอลลาร์ในวันนี้ ท่ามกลางความวิตกที่ว่าการแพร่ระบาดครั้งใหม่ของไวรัสโควิด-19 ในจีน ญี่ปุ่น และสหรัฐ จะกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันและกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน

นักลงทุนจับตาแถลงการณ์นโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐรอบครึ่งปี ที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดกล่าวแอสภาคองเกรส โดยในวันที่ 16 มิ.ย.จะกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภา และต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 17 มิ.ย.