ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคพ.ย.65 พุ่งยกแผง 6 เดือนติด

.ทะยานสูงสุดในรอบ 20 เดือนนับจากเดือนเม.ย.64
.หลังโควิดคลี่คลาย กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาปกติ
.ท่องเที่ยวเริ่มฟื้นแต่ยังกังวลค่าครองชีพสูง ขึ้นดอกเบี้ย

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.65 ว่า ดัชนีทุกรายการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 20 เดือนนับจากเดือนเม.ย.64 โดยดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.65 อยู่ที่ 47.9 เพิ่มจาก 46.1 ในเดือนต.ค.65, ดัชนีความเชื่อมั่นในปัจจุบัน อยู่ที่ 32.6 เพิ่มจาก 30.7, ดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคต อยู่ที่ 55.2 เพิ่มจาก 53.4 ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ 42.0 เพิ่มจาก 40.0, ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางาน อยู่ที่ 45.2 เพิ่มจาก 43.6 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 56.4 เพิ่มจาก 54.8


ทั้งนี้ สอดคล้องกับดัชนีความเหมาะสมของผู้บริโภคในด้านต่างๆ ที่พบว่า ดัชนีความเหมาะสมการซื้อรถยนต์คันใหม่ การซื้อบ้านหลังใหม่ การใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว และการลงทุนธุรกิจของผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) ที่เดือนพ.ย.65 ปรับตัวดีขึ้นทั้งหมดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6


สำหรับสาเหตุที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นทุกรายการ เป็นเพราะผู้บริโภครู้สึกว่าเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น หลังจากสถานการณ์โควิดในประเทศตัวดีขึ้น และมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ให้ธุรกิจเปิดดำเนินการได้เป็นปกติ และผ่อนคลายการเดินทางเข้าประเทศ ส่งผลให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้น และกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ดีขึ้น ประกอบกับ ราคาน้ำมันเบนซินลดลงอย่างมากจากช่วงครึ่งปีแรก ทำให้ประชาชนรู้สึกผ่อนคลายเรื่องค่าครองชีพ แม้ยังคงกังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพที่ยังอยู่ในระดับสูงมาก รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับสงครามรัสเซียและยูเครน การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อของประเทศต่างๆ ที่อาจเพิ่มแรงกดดันทำให้เศรษฐกิจโลกที่กำลังฟื้นตัว เข้าสู่ภาวะถดถอยได้


“ผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่นมากขึ้น เพราะดัชนีเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกัน 6 เดือน และเดือนพ.ย.นี้ยังสูงสุดในรอบ 20 เดือน ซึ่งดีขึ้นมาอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิด และน่าจะค่อยๆ ดีขึ้นต่อเนื่องอีกในเดือนธ.ค.65 และม.ค.66 เป็นผลมาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามามากขึ้น ทำให้มีรายได้เข้าประเทศ นอกจากนี้ สินค้าเกษตรหลายรายการราคาดี มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐที่ยังคงมีอยู่ รวมทั้งราคาน้ำมันไม่กดดันมาก ทำให้ประชาชนพร้อมจับจ่ายใช้สอย ท่องเที่ยว โดยภาพรวมเศรษฐกิจ คาดว่า ต่อไปน่าจะปรับตัวได้เด่นชัดมากกว่านี้”


นายธนวรรธน์ กล่าวต่อถึงดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ที่สำรวจจากสมาชิกทั่วประเทศว่า เดือนพ.ย.65 ดัชนี อยู่ที่ 43.9 เพิ่มจาก 43.1 ในเดือนต.ค.65 เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 นับจากเดือนมิ.ย.65 และเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นมนุกภูมิภาค ทั้งกรุงเทพฯและปริมณฑล ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ สาเหตุจากภาคอุตสาหกรรมขยายตัวดีขึ้น เพราะมียอดคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น ความต้องการสินค้าเกษตรของประชาชนมีมากขึ้น นักท่องเที่ยวมากขึ้น ทั้งคนไทยและต่างชาติ การลงทุนมีสัญญาณดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนต้องการให้ภาครัฐแก้ปัญหา เช่น คุมต้นทุนการผลิตของธุรกิจ รักษาเสถียรภาพค่าเงินบาท ส่งเสริมกระตุ้นการเพิ่มกำลังซื้อในประเทศ เยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ส่งเสริมกิจกรรมดึงดูดนักท่องเที่ยว เป็นต้น