ดัชนีดาวโจนส์เคลื่อนไหวในแดนบวก หลังมีกระแสข่าวการเจรจา การค้าจีน-สหรัฐฯเริ่มต้น

  • สื่อระบุ จีนเสนอซื้อสินค้าเกษตรเพิ่มเลกแบนหัวเว่ย
  • ดัชนีแกว่งตัวแคบรอสัญญาณเฟดลดดอกเบี้ยเดือนนี้
  • นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อที่จะประกาศวันพฤหัสฯ

เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น.ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวอยูที่ 26,884.51 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 87.05 จุดหรือ +0.32% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ผันผวน โดยกลับมาเป็นบวกหลังเล็กน้อยเปิดตลาดติดลบ โดยเคลื่อนไหวอยู่ที่ 8,103.59 เพิ่มขึ้น 0.52 จุดหรือ +0.01% ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวอยู่ที่ 2,984.21 จุด บวกเพิ่มขึ้น 5.50 จุดหรือ +0.18%

นักลงทุนมีความหวังกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน หลังจากที่ Politico ซึ่งเป็นสื่อสหรัฐฯ รายงานว่า จีนได้ยื่นข้อเสนอในการสนทนาทางโทรศัพท์กับเจ้าหน้าที่การค้าของสหรัฐฯในสัปดาห์ที่แล้วที่จะซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯเพิ่มขึ้น หากสหรัฐยอมผ่อนคลายข้อจำกัดต่อการส่งออกสินค้าของบริษัทหัวเว่ย และเลื่อนการเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2.5 แสนล้านดอลลาร์ในวันที่ 1 ต.ค.

ทั้งนี้ มีทางการจีน ระบุว่า สงครามการค้าทำให้การเกินดุลการค้า และการส่งออกสินค้ามายังสหรัฐฯในเดือน ส.ค.ลดลง

ขณะเดียวกัน มีรายงานด้วยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กำลังพิจารณาเลื่อนการเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนที่มีกำหนดในวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งรวมถึงคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป สมาร์ทโฟน และสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ

ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นตามการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงรอทีท่าของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ว่าจะมีการส่งสัญญาณลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องหรือไม่ ในการประชุมเดือน ก.ย.นี้ ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ จะประกาศในช่วงเช้าของวันพฤหัสที่จะถึงนี้

นักลงทุนยังจับตาการพบปะระหว่างนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และนายลีโอ วาราดคาร์ นายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์ โดยรัฐบาลอังกฤษและไอร์แลนด์ออกแถลงการณ์ระบุว่า “ผู้นำทั้งสองมีความมุ่งมั่นที่จะบรรลุข้อตกลงในการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยผู้นำทั้งสองเห็นพ้องกันว่าการหารือในครั้งนี้ยังคงอยู่ในขั้นตอนแรก ซึ่งมีความเห็นร่วมกันในบางประการ แต่ทั้งสองฝ่ายยังคงมีความคิดที่แตกต่างเช่นกัน”