- แอปเปิล อิงค์ยอมรับว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ฉุดกำไรต่ำกว่าคาด
- หุ้นเทคโนโลยีร่วงตามหึ้รแอปเปิล.ดันตลาดร่วงต่อกันเป็นวันที่3
- ผลตอบแทนตลาดพันธบัตรสหรัฐส่งสัญญาณมีโอกาสเศรษฐกิจถดถอย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 18ก พ.ที่ผ่านมาที่ระดับ 29,232.19 จุด ลดลง 165.89 จุด หรือ -0.56% ลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ดัชนี เอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,370.29 จุด ลดลง 9.87 จุด หรือ -0.29% ส่วนดัชนี แนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 9,732.74 จุด เพิ่มขึ้น 1.57 จุด หรือ +0.02
นักลงทุนความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจมากขึ้น ขณะที่ตลาดยังวิตกว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกมากขึ้นด้วย หลังมูดีส๋ อินเวสเตอร๋ เซอร์วิส บริษัทจัดอันดับชั้นนำของโลก ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจจีนปีนี้ลงเหลือ รวมทั้งระบุว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19กระทบต่อเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก
ทั้งนี้ บริษัทแอปเปิล อิงค์ยอมรับว่ารายได้อาจต่ำกว่าคาด อันเป็นผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในจีน ทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
โดยรายได้ในเดือนม.ค.-มี.ค. ซึ่งเป็นไตรมาส 2 ตามปีงบการเงินของบริษัท อาจต่ำกว่าคาด อันเป็นผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สาเหตุจากการผลิต iPhone ในจีนได้สะดุดลงชั่วคราว เนื่องจากสายการผลิตได้หยุดชะงักลง ขณะที่จีนประกาศขยายวันหยุดในช่วงเทศกาลตรุษจีน ส่งผลให้ร้านค้าและโรงงานจำนวนปิดการดำเนินงานนานกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้
หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงทันที โดยหุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.83% ขณะที่ราคาหุ้นของบริษัทที่เป็นซัพพลายเออร์ของแอปเปิลร่วงลงด้วย โดยหุ้นควอลคอมม์ ดิ่งลง 1.75% หุ้นบรอดคอม ร่วงลง 2.2% หุ้น Qorvo ร่วงลง 2.6% และหุ้นสกายเวิร์ค โซลูชั่นส์ ร่วงลง 1.87%
หุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิปปรับตัวลงเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นของบริษัทที่มีการลงทุนในประเทศจีน โดยหุ้นอินเทล ร่วงลง 1.68% หุ้นซิลลินซ์ (Xilinx) ลดลง 1.03% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ร่วงลง 1.28%
ขณะเดียวกัน บริษัทที่สะท้อนกำลังซื้อของคนสหรัฐฯ แสดงผลประกอบการที่ไม่ดีนัก โดยหุ้นเมซีส์ อิงค์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลง 3.6% หลังจากเอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของเมซีส์ อิงค์
ขณะที่วอลมาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกใหญ่รายใหญ่ระดเปิดเผยกำไรในไตรมาส 4 ที่ระดับ 1.38 ดอลลาร์/หุ้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.43 ดอลลาร์/หุ้น และเปิดเผยยอดขายในสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.9% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.3%
นอกจากนั้น ตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ยังเกิดภาวะ inverted yield curve อีกครั้ง.หลังไม่ได้เกิดขึ้นมาระยะหนึ่ง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอยู่สูงกว่าพันธบัตรระยะยาว โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 3 เดือน อยู่สูงกว่าพันธบัตรอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ซึ่งตามปกติ ผลการสำรวจพบว่า หลังจากตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve โดยเฉลี่ยราว 22 เดือน สหรัฐก็จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย