ช็อก!! อินเดียทุบสถิตินิวไฮ ติดโควิดวันเดียว 3.45 แสนราย ขณะที่สหรัฐกลับลำเดินหน้าฉีดวัคซีนจอห์นสัน

  • นายกแคนาดา ฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาโดสแรก และห้ามไฟล์ทบินจากอินเดีย-ปากีสถานเข้าประเทศชั่วคราว 30 วัน
  • อิสราเอลไม่พบผู้เสียชีวิตวันที่สองติดต่อกันหลังเร่งฉีดวัคซีนครบสองโดสในพลเมือง 53% 

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศอินเดียระลอกใหม่ยังเดินหน้าทำสถิตินิวไฮสูงสุดประจำวันอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดในปีที่ผ่านมา ล่าสุดมีรายงานตัวเลขการติดเชื้อถึง 345,147 ราย เสียชีวิต 2,621 ราย ตัวเลขติดเชื้อสะสม 16.6 ล้านรายและเสียชีวิต 1.89 แสนราย

ทางด้านแคนาดา เป็นประเทศล่าสุดที่ประกาศแบนไฟล์ทบินจากประเทศอินเดีย โดยทางการได้มาตรการใหม่ล่าสุดสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ โดยให้หยุดไฟล์ทบินจากประเทศอินเดียและปากีสถานเป็นการชั่วคราวเป็นเวลา 30 วัน

ขณะเดียวกัน ‘จัสติน ทรูโด’ นายกรัฐมนตรีแคนาดา ได้ทำการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิดโดสแรกซึ่งเป็นวัคซีนของแอสตราเซเนกา และบอกกับผู้สื่อข่าวรู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งในช่วงที่เข็มกำลังทิ่มลงบนต้นแขน

ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ ‘ทรูโด’ ประเทศบรรลุข้อตกลงกับวัคซีนไฟเซอร์แล้วจำนวนหลายล้านโดส โดยแคนนาดามีตัวเลขผู้ป่วยสะสมกว่า 1.15 ล้านรายและเสียชีวิตแล้ว 2.38 หมื่นราย

ข่าวดีจากประเทศอิสราเอล หลังจากมีความคืบหน้าเกี่ยวกับฉีดวัคซีนครบโดสให้พลเมืองครอบคลุมสัดส่วนถึง 53% ซึ่งสูงที่สุดในโลก ปรากฏว่าไม่พบผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อเป็นวันที่สองติดต่อกัน

สำหรับวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน หลังจากถูกระงับการใข้ชั่วคราวในหลายรัฐของสหรัฐอเมริกา ล่าสุด  ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) ได้ออกมาแนะนำให้นำวัคซันดังกล่าวกลับมาฉีดให้พลเมืองอีกครั้ง โดยสลากบนวัคซีนจะเพิ่มคำเตือนถึงความเสี่ยงของการการลิ่มเลือดอุดตัน

ทางสำนักงานอาหารและยา (FDA) ระบุคำแนะนำดังกล่าวจะเริ่มฉีดวัคซีนนี้ในวันเสาร์ตามเวลาของสหรัฐฯ 

ดร. เจเน็ตวูดค็อก จาก FDA กล่าวในแถลงการณ์  “เราได้ข้อสรุปแล้วว่าประโยชน์ที่เป็นที่รู้จักและเป็นไปได้ของวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด -19 ของจอห์นสัน นั้นมีมากกว่าความเสี่ยงที่ทราบและอาจเกิดขึ้นได้ในผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป”

“เรามั่นใจว่าวัคซีนนี้ยังคงเป็นไปตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยมีประสิทธิภาพและคุณภาพ เขอแนะนำหากใครมีคำถามเกี่ยวกับวัคซีนชนิดใดที่เหมาะสมสำหรับพวกเขาให้ปรึกษาหารือกับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ”