ฉีดวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก 1 ล้านโดสใน 100 วัน

สาธารณสุข รณรงค์เชิญชวนสตรีไทย ฉีดวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก 1 ล้านโดส ใน 100 วันให้หญิงไทยอายุ 11 – 20 ปี

  • จับมือสพฐ.ประเดิมฉีดกลุ่มนักเรียนหญิงในสถานศึกษา
  • พร้อมให้ความรู้มะเร็ง คัดกรองมะเร็งปากมดลูก
  • ส่วนผู้หญิงที่เป็นนักศึกษาและบุคคลทั่วไปเริ่มธันวาคมนี้

 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า   ปีงบประมาณ 2567 กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดนโยบาย “มะเร็งครบวงจร” ที่ครอบคลุมทั้งด้านการส่งเสริม ป้องกัน คัดกรอง วินิจฉัย รักษา และดูแลฟื้นฟูกายใจ โดยเฉพาะมะเร็งที่เป็นปัญหาสำคัญ 5 ชนิด ได้แก่ มะเร็งตับ มะเร็งท่อน้ำดี มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง มะเร็งเต้านม และมะเร็งปากมดลูก ซึ่งเป็นมะเร็งที่สามารถป้องกันและตรวจคัดกรองความเสี่ยงได้ตั้งแต่เนิ่นๆ เช่น การฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อ HPV การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยตัวเอง การตรวจปัสสาวะเพื่อคัดกรองโรคพยาธิใบไม้ตับ การอัลตราซาวด์คัดกรองมะเร็งท่อน้ำดี และการตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบบีและซี ที่เป็นสาเหตุหนึ่งของมะเร็งตับ เป็นต้น 

โดยการขับเคลื่อน Quick Win 100 วันแรก จะมีการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อ HPV ในหญิงไทยอายุ 11-20 ปี จำนวน 1 ล้านโดส เริ่มคิกออฟสำหรับนักเรียนหญิงในสถานศึกษาพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงวัคซีนในกลุ่มนักเรียน ให้มีภูมิคุ้มกัน ลดอาการป่วย และการเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกในอนาคต สำหรับนักศึกษาและบุคคลทั่วไปสามารถรับวัคซีน HPV ได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2566 เพื่อป้องกันมะเร็งในสตรีไทยตามสโลแกน “สวย เริด เชิด สู้มะเร็ง” หรือ “Women Power No Cancer”

“ขอเชิญชวนหญิงไทยอายุตั้งแต่ 11 – 20 ปีทุกคน เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV และประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่มีความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง เข้ารับการตรวจคัดกรอง เช่น คัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยตนเองในประชาชนอายุ 30 ปีขึ้นไป การตรวจปัสสาวะหรืออัลตราซาวด์คัดกรองมะเร็งท่อน้ำดีในประชาชนอายุ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งหากพบว่าป่วยจะได้รับการรักษาทันท่วงที ช่วยลดการเสียชีวิต รวมถึงเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนทุกคนและปกป้องระบบสาธารณสุขของประเทศ” นพ.ชลน่านกล่าว

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของคนทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ทำให้ประชากรสูญเสียการมีคุณภาพชีวิตที่ดี และยังส่งผลต่อระบบสาธารณสุข รวมถึงระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ การลดอัตราป่วยและเสียชีวิตจากโรคมะเร็งต้องทำในทุกมิติ ตั้งแต่การป้องกันโรค ตรวจคัดกรอง พัฒนาวิธีการรักษา และการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง

“ได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ให้บริการฉีดวัคซีน HPV สำหรับนักเรียน พร้อมให้ความรู้เรื่องมะเร็งปากมดลูก สำหรับประชาชนทั่วไป จะมีบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยตัวเอง ในสตรีอายุ 30-60 ปี บริการตรวจคัดกรองโรคพยาธิใบไม้ตับด้วยการตรวจปัสสาวะ และตรวจคัดกรองและวินิจฉัยโรคมะเร็งท่อน้ำดีด้วยวิธีอัลตราซาวด์ โดยใช้รถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยพระราชทาน รวมถึงมีบริการเอกซเรย์ตรวจคัดกรองมะเร็งปอด และบริการตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบบีและซี ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนได้มีโอกาสเข้าถึงบริการฉีดวัคซีนและตรวจคัดกรองมะเร็งได้สะดวกยิ่งขึ้น ถือเป็นตัวอย่างการดำเนินงานและการนำร่องให้บริการในชุมชน “