ของมันต้องมี…”ศักดิ์สยาม”ไฟเขียวการบินไทยซื้อเครื่องบินใหม่38ลำ

  • “การบินไทย” อ้อน”ศักดิ์สยาม”ขอจัดหาเครื่องบิน38ลำ
  • เล็งเช่าซื้อเครื่องบินแบ่งค่ายแอร์บัส-โบอิ้งอย่างละครึ่ง
  • ด้าน“ถาวร” ยังไม่ปล่อยขอดูโครงการละเอียดยิบ

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยหลังเป็นประธานการประชุมติดตามโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของกระทรวงคมนาคมที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาว่า ในส่วนของบริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) ผู้ให้บริการสายการบินไทย นั้นได้ยืนยันต่อที่ประชุมฯ ว่า การบินไทยมีความจำเป็นที่จะต้องจัดหาฝูงบินใหม่ เพื่อมาเพิ่มศักยภาพของการบินไทยในการหารายได้ โดยยืนยันว่า การลงทุนครั้งนี้จะไม่เป็นภาระต่องบประมาณภาครัฐอย่างแน่นอน เนื่องจากการบินไทยจะไปจัดหาแหล่งทุนและชำระเงินกู้เอง ซึ่งการพิจารณาจัดหาเครื่องบินนั้นได้พิจารณาที่จะจัดหาเครื่องบินจากบริษัท โบอิ้ง และ บริษัท แอร์บัส อย่างละครึ่ง เพราะเมื่อเกิดปัญหากับบริษัทใดบริษัทหนึ่งแล้ว จะได้ไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดหาฝูงบินทั้งหมด

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า ปัจจุบันนายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม ซึ่งกำกับดูแลการบินไทย กำลังพิจารณาและศึกษาโครงการจัดหาฝูงบินใหม่ให้รอบคอบ จากนั้นก็จะเสนอเรื่องให้ตนพิจารณาตามลำดับ โดยตนเห็นด้วยกับเรื่องการจัดหาฝูงบินใหม่ แต่ก็ขอให้การจัดหาอยู่ในมาตรฐานโลกและเขียนรายละเอียดประกอบการพิจารณาให้ชัดเจน นอกจากนั้นตนยังได้กำชับว่า การพิจารณาจัดหาเครื่องวบินดังกล่าว จะไปซื้ออะไรขอให้อยู่ในมาตรฐานโลก อย่าไปซื้อแล้วทำผิดจากมาตรฐานโลก เพราะเราซื้อด้วยเหตุผลว่า เราต้องการเอามาแข่งขัน เพื่อพลิกองค์กรกลับคืนมา

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน)ว่า การบินไทยจะขออนุมัติ ครม. เพื่อดำเนินการจัดหาฝูงบินใหม่จำนวนทั้งสิ้น 38 ลำ ระหว่างปี 2562-2569 วงเงินลงทุนรวมไม่เกิน 156,169 ล้านบาท ซึ่งการจัดหาจะแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ได้แก ปี 2562-2567 จำนวน 25 ลำ พร้อมเครื่องยนต์สำรอง วงเงินลงทุนรวมไม่เกิน 78,614 ล้านบาท

สำหรับครื่องบินจำนวน 25 ลำ จะประกอบไปด้วย เครื่องบินลำตัวกว้าง พิสัยกลาง-ไกล ขนาด 250-375 ที่นั่ง จำนวน 3 ลำ และเครื่องบินลำตัวแคบพิสัยใกล้ ขนาด 170-220 ที่นั่ง จำนวน 22 ลำ วงเงินลงทุน 71,874 ล้านบาท พร้อมทั้งเครื่องยนต์สำรอง 8 เครื่องยนต์ วงเงินลงทุน 6,740 ล้านบาท

ส่วนแผนการจัดหารเครื่องบินปี 2563-2569 จำนวน 13 ลำ พร้อมเครื่องยนต์สำรอง วงเงินลงทุนรวมไม่เกิน 77,555 ล้านบาท โดยการจัดหาเครื่องบินในส่วนนี้ จะใช้วิธีการจองซื้อ ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้สายการบินสามารถเปลี่ยนกำหนดการรับมอบหรือเงื่อนไขบางประการได้ (Option Order) เพื่อทดแทนการปลดระวางเครื่องบินแอร์บัส A380-800 และเครื่องบินโบอิ้ง 777-200ER

“อย่างไรก็ตามการจัดหาเครื่องบินครั้งนี้ตั้งใจจะใช้วิธีการเช่าซื้อทั้งหมด 38 ลำ แต่หากไม่สามารถดำเนินการจัดหาด้วยวิธีการเช่าซื้อได้ เนื่องจากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป เช่น ไม่มีเครื่องบินตามเวลาที่ต้องการ หรือสถานะการเงิน/การแข่งขันมีการเปลี่ยนแปลง จึงจะพิจารณาเช่าดำเนินงานตามความจำเป็น