“กองทัพเรือ” เปิดแถลงข่าวแจงยิบปมร้อน “เรือดำน้ำ” สวนกลับเพื่อไทยอธิบายทุกข้อ ลั่นสัญญาซื้อขายแบบจีทูจีของจริง ไม่จัดฉากทำเก๋แบบจำนำข้าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 ส.ค.) กองทัพเรือ (ทร.) ได้เปิดแถลงข่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย จัดแถลงข่าวนำเอกสารของกองทัพเรือ ในการประกอบการพิจารณาคณะอนุกรรมการครุภัณฑ์ ICT รัฐวิสาหกิจและทุนหมุนเวียน ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 สภาผู้แทนราษฎร มาเปิดเผย โดยมีเนื้อหาระบุว่า เอกสารลงนามจัดซื้อเรือดำน้ำนั้น ไม่ใช่สัญญารัฐต่อรัฐ (จีทูจี) แต่เป็นเพียงเอกสารข้อตกลง และสัญญาที่ลงนามเป็นเพียงการจัดซื้อเรือ 1 ลำเท่านั้น ไม่มีผูกพันลำที่ 2-3

ทั้งนี้ พล.ร.ท.ประชาชาติ  ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการกองทัพเรือ ในฐานะโฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า กรณีที่นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.เพื่อไทย ที่ออกมาโจมตีกองทัพเรือ เปิดเผยเอกสารลับการจัดซื้อเรือดำน้ำ ว่า เป็นการพูดที่บิดเบือนข้อเท็จจริง นำไปซึ่งความแตกแยก นำมาสู่ความเกลียดชังต่อกองทัพ และเป็นสิ่งที่ไม่สมควร และนำมาเป็นประเด็นเคลื่อนไหวทางการเมือง

“โดยการกล่าวหาว่า การจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ เป็นสัญญาเก๋ ก็ไม่เป็นความจริง จำนำข้าวที่พรรคเพื่อไทย ทำต่างหากที่เป็นจีทูจีเก๋และไม่ถูกต้อง แต่กองทัพเรือทำการซื้อแบบจีทูจีอย่างถูกต้องโปร่งใส ซึ่งก็ขอสังคมอย่าตกเป็นเหยื่อเรื่องการเมือง โดยการจัดซื้อครั้งนี้ ไม่ได้จ่ายทั้งก้อน 22,500 ล้านบาท ในคราวเดียวในปี 2564 ทั้งหมด” พล.ร.ท.ประชาชาติ กล่าว

ด้าน พล.ร.ท.เเถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ เจ้ากรมยุทธการทหารเรือ กล่าวยืนยันว่า การจัดหาเรือดำน้ำอีก 2 ลำ งบ 22,500 ล้านบาท เทียบไม่ได้กับความคุ้มค่า ในการปกป้องผลประโยชน์ในทรัพยากรทางทะเลของไทยที่มีกว่า 24 ล้านล้านบาท คิดเป็นแค่ 0.093 % เท่านั้น

ด้าน พล.ร.ท.ธีรกุล กาญจนะ ปลัดบัญชีทหารเรือ กล่าวว่า เป็นการตั้งงบแบบผูกพัน ไม่ใช่การตั้งงบใหม่ ซึ่งกองทัพเรือ เข้าใจถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งกองทัพเรือก็ได้ขอให้ทางการจีน ชะลอการจ่ายงวดปี 2563 ไปแล้ว 3,375 ล้านบาท และนำเงินส่วนนี้ส่งคืนให้รัฐบาล ผ่าน พ.ร.บ. โอนงบ 4,130 ล้านบาท คิดเป็น 8.78 % ทำให้ต้องขยับกรอบชำระจากกรอบปี 2563-2569 เป็นถึงปี 2570 ซึ่งที่ผ่านมา ทร. ก็ตั้งงบโดยคำนึงถึงความประหยัดเป็นหลัก

ส่วน พล.ร.ต.อรรถพล เพชรฉาย ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือ ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ ชี้แจงถึงกรณี ที่ถูกพาดพิง เป็นสัญญาเก๊ เป็นการลงนามที่ไม่รองรับด้วยทางกฎหมาย ส่อโมฆะ ว่า พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสธ.ทร. ในสมัยนั้นเป็นผู้ลงนาม ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย

ขณะที่ น.อ.ธาดาวุธ ทัตพิทักษ์กุล รองผู้อำนวยการสำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือ ในฐานะกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ กล่าวว่า สัญญาจีทูจี เป็นไปอย่างถูกต้อง พร้อมฉายเส้นทาง การลงนามข้อตกลงจ้างสร้างเรือดำน้ำลำที่ 1 โดย รัฐบาลจีนสั่งการให้ SASTIND มอบอำนาจให้ บริษัท CSOC ก่อนมอบอำนาจให้ Chirman of CsOC มาเซ็นสัญญา ขณะที่ฝั่งไทยคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติให้ใช้วิธีจัดซื้อแบบจีทูจี มอบอำนาจให้ผู้บัญชาการทหารเรือ หรือผู้แทน โดย ผบ.ทร.ในสมัยนั้น ได้มอบอำนาจให้ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสธ.ทร. ในฐานะประธาน กจค. ไปเซ็นสัญญา

อย่างไรก็ตาม ในการแถลงข่าวครั้งนี้ นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และประธานวิปพรรคก้าวไกล และนายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล รองประธานคณะกรรมาธิการ คณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ได้เข้าร่วมฟังงานแถลงข่าวด้วย