โฆษกประชาธิปัตย์ เอ่ยขยะแขยง! สวนกลับ “ไพบูลย์” ลั่นลุยต่อแก้รัฐธรรมนูญ หวังแก้ปม ส.ส.กาฝาก

นายราเมศ รัพตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้เชื่อว่าทุกฝ่ายเห็นตรงกันในเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้านไม่มีปัญหา เพราะมีการเสนอร่างของแต่ละฝ่ายอยู่แล้ว เมื่อถึงวาระรับหลักก็คงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ขณะที่ฝ่ายวุฒิสมาชิกเชื่อว่า กรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญแก้รัฐธรรมนูญก่อนรับหลักการ จะได้ทำความเข้าใจเพื่อให้เห็นไปในทิศทางเดียวกัน และหากผู้ที่มีความผูกพันในการแต่งตั้งวุฒิสมาชิกช่วยทำความเข้าใจแล้ว เชื่อว่าจะผ่านไปได้ไม่ยากนัก

นายราเมศ กล่าวว่า สำหรับกรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ให้สัมภาษณ์ว่าไม่พอใจพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะเอาอย่างเดียว ได้คืบเอาศอก โหนกระแสการชุมนุม โดยกล่าวหาว่าร่างของพรรคร่วมเปิดทางให้แก้ หมวด 1 หมวด 2 นั้น เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง การให้สัมภาษณ์ลักษณะเช่นนี้ทำให้เกิดความรู้สึกที่นอกจากสร้างความไม่พอใจแล้ว ยังทำให้รู้สึกขยะแขยงต่อแนวความคิด เพราะพรรคฯไม่เคยคิดว่าได้คืบจะเอาศอก แต่หลักสำคัญของการแก้รัฐธรรมนูญคือต้องทำให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น

“คุณไพบูลย์ต่างหากที่ไม่คิดจะคืบมีแต่จะคาบ พรรคประชาธิปัตย์ไม่คิดโหนกระแสผู้ชุมนุม เพราะมีหลายเรื่องที่มีแนวคิดแตกต่างจากผู้ชุมนุม ส่วนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคร่วมได้กำหนดหลักการไว้ชัดว่า ไม่มีการแก้ไขหมวด1 และหมวด 2 คุณไพบูลย์มาด่าพรรคอย่างนี้ได้อย่างไร อย่าไปห้อยโหน ส.ว. เลย พูดจาตรงไปตรงมาตามหลักการดีกว่า” นายราเมศ กล่าว

อย่างไรก็ตาม สำหรับร่างของพรรคร่วมนี้ นอกจากพรรคประชาธิปัตย์ได้เตรียมเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชนแล้วสิ่งหนึ่งที่หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญควรต้องทบทวนด้วย คือ กรณีการเลิกกิจการพรรคการเมืองแล้วยื่นยุบพรรคตัวเอง เปิดโอกาสให้มี ส.ส.บัญชีรายชื่อไปอยู่พรรคอื่น และคะแนนจะโอนไปพรรคใหม่หรือไม่ อีกทั้งยังมีข้อสงสัยอีกด้วยว่า ส.ส.ที่ย้ายไปนั้นจะไปอยู่ลำดับบัญชีรายชื่อที่เท่าไรในพรรคใหม่ ซึ่งหากมีการแก้รัฐธรรมนูญก็ควรกำหนดให้ชัดเลยว่า การย้ายไปเป็นกาฝากที่พรรคใหม่นั้น จะไปอยู่ตรงไหนอย่างไร